ห้องผ่าตัดอัจฉริยะ 'สก็อต' การแพทย์ในยุค4.0
เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทในด้านการแพทย์และสาธารณสุขมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาที่เกิดในเวลานี้ก็คือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย เป็นระบบอัตโนมัติควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์นั้น ละเอียดซับซ้อนและใช้เวลามากมายในการพัฒนา ผลก็คือ อุปกรณ์แพทย์อัตโนมัติเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นมาจากต่างบริษัทกัน ใช้ระบบปฏิบัติการพื้นฐานที่ต่างกัน แล้วก็กลายเป็นอุปกรณ์ "สแตนด์อะโลน" ต่างชิ้นต่างทำงานไปไม่สามารถ "บูรณาการ" การทำงานเข้าด้วยกันได้
ในกรณีของห้องผ่าตัด การไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ไม่สามารถประสานงานกันได้ ดังกล่าวนั้น ส่งผลให้กระบวนการผ่าตัดใช้เวลามากขึ้น โอกาสเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดของศัลยแพทย์มีมากขึ้น เพราะถึงที่สุดแล้ว แพทย์และเจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ แต่ละคนก็ไม่มีเวลาและขีดความสามารถมากพอที่จะทำความเข้าใจกับการใช้งานอุปกรณ์ที่แตกต่างกันแต่ละชนิดได้ทะลุปรุโปร่ง
นั่นคือที่มาของ "สก็อต" โปรเจ็กต์ โครงการริเริ่มของ สถาบันวิทยาศาสตร์และวิศวการชีวะแพทย์ก้าวหน้า (Institute of Advanced Biomedical Engineering and Science) ในสังกัด มหาวิทยาลัยการแพทย์สตรีแห่งโตเกียว (ทีดับเบิลยูเอ็มยู) ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานเพื่อการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ (เอเมด) ของทางการญี่ปุ่น เมื่อปี 2014
[caption id="attachment_1080197" align="alignnone" width="638"]
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถให้คำแนะนำทางไกลระหว่างผ่าตัดได้ (ภาพ-JapanAMED)[/caption]"สก็อต" เป็นชื่อที่ได้จากคำเต็มภาษาอังกฤษของระบบการแพทย์อัตโนมัติใหม่ที่เรียกว่า "สมาร์ท ไซเบอร์ โอเปอเรตติง เธียเตอร์" ซึ่งทีมวิจัยและพัฒนาภายใต้การนำของ ศาสตราจารย์ โยชิฮิโร มูรางากิ ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์และเป็นทั้งศัลยแพทย์ของ ทีดับเบิลยูเอ็มยู พัฒนาขึ้น เพื่ออวดศักยภาพของการแพทย์ 4.0 เต็มรูปแบบเป็นการนำเอาเทคโนโลยีของเครือข่าย (เน็ตเวิร์ก) มารวมเข้ากับเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตในสรรพสิ่ง (ไอโอที) และระบบการทำงานอัตโนมัติ (ออโตเมชั่น เทคโนโลยี) แบบที่ใช้กันอยู่ในโรงงานหลายโรงงานในประเทศญี่ปุ่น
ในห้องผ่าตัดอัจฉริยะนี้ ทุกอย่าง ตั้งแต่จอคอมพิวเตอร์ เรื่อยไปจนถึงแขนกลหุ่นยนต์ ตลอดจนกล้องไมโครสโคปและเซ็นเซอร์สารพัด เชื่อมต่ออยู่กับอินเตอร์เน็ตและเชื่อมโยงซึ่งกันและกันด้วยอินเตอร์เฟซ "อ็อพอีลิงค์" ที่พัฒนามาจากเทคโนโลยีเครือข่ายแบบเปิดที่เรียกว่า "โอเพน รีซอร์ซ อินเตอร์เฟซ ฟอร์ เน็ตเวิร์ก" หรือเรียกกันสั้นๆ ว่าเทคโนโลยี "โอริน"
ในการสาธิตเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม "สก็อต" แสดงให้เห็นการทำงานแบบสอดประสาน เชื่อมโยง ต่อเนื่องซึ่งกันและกันของอุปกรณ์การแพทย์มากถึง 40 ตัวในเวลาจริง ช่วยทีมศัลยแพทย์ผ่าตัดเนื้องอกในสมองของผู้ป่วยโดยการติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องและแสดงให้ทีมศัลยแพทย์ได้รับรู้ตามเวลาจริงบนจอคอมพิวเตอร์
ที่น่าสนใจก็คือ "สก็อต" แสดงรายละเอียดให้ทีมแพทย์ได้รับรู้ในหลายๆ ด้าน รวมทั้งเกรดหรือระดับของก้อนเนื้อ และระดับความเสียหายของระบบประสาท ซึ่งปกติเป็นข้อมูลที่ศัลยแพทย์สมองต้องอาศัยประสบการณ์ล้วนๆ ร่วมกับความรู้ที่ร่ำเรียนมาในการประเมินสิ่งเหล่านี้
ทักษะและขีดความสามารถของศัลยแพทย์ยังคงเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการผ่าตัดสมองภายใต้ระบบห้องผ่าตัดอัจฉริยะนี้ แต่ความแม่นยำและความรวดเร็วในการผ่าตัดจะมีมากขึ้น ซึ่งหมายถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลจากทุกๆ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในหลายระบบของห้องผ่าตัดถูกป้อนให้กับแพทย์ผู้ดำเนินการอยู่ตลอดตามเวลาจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ทำไม่ได้
นอกจากนั้น ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการผ่าตัดยังสามารถแชร์ออกไปออนไลน์ เปิดโอกาสให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ต่างสถานที่สามารถให้คำแนะนำในระหว่างการผ่าตัดต่อศัลยแพทย์ที่ประสบการณ์น้อยกว่าได้ระหว่างการผ่าตัดอีกด้วย
"อุปกรณ์ทุกอย่างทำงานร่วมกัน เหมือนกับเป็นองค์ประกอบของเครื่องจักรกลอัตโนมัติขนาดใหญ่ เปลี่ยนสก็อตให้เหมือนกับเป็นอุปกรณ์เดียวที่ทำหน้าที่ครบทุกอย่าง ตั้งแต่การนำร่องการผ่าตัดเรื่อยไปจนถึงอาการในแต่ละขั้นตอนของผู้ป่วย" ศาสตราจารย์มูรางากิระบุ พร้อมกับเสริมว่า อยากให้สก็อต กระจายออกไปในวงการแพทย์ทั่วโลกเพื่อผลดีต่อผู้ป่วยเอง
ข้อมูลของ "สก็อต" ยังสามารถเก็บไว้เพื่อนำไปเป็นกรณีศึกษาสำหรับนักศึกษาแพทย์และแพทย์ฝึกหัดเพื่อปรับปรุงเพิ่มพูนเทคนิค วิธีการ และในกรณีที่เกิดความผิดพลาดในการผ่าตัดขึ้นมา ยังสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อวิเคราะห์ข้อผิดพลาดและหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตได้ด้วย
ระบบห้องผ่าตัดอัจฉริยะสก็อตรุ่นที่เป็นมาตรฐาน ที่แสดงข้อมูลอาการของผู้ป่วยทุกขั้นตอน มีการติดตั้งใช้งานจริงแล้วที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยฮิโรชิมา มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ส่วนระบบชั้นสูงของ "สก็อต" ซึ่งจะเพิ่มฟังก์ชั่นอีกหลายอย่างรวมทั้งรีโมตคอนโทรลสำหรับแขนกลที่จะทำงานบนพื้นฐานของข้อมูลตามเวลาจริงระหว่างการผ่าตัด จะเริ่มใช้งานจริงที่มหาวิทยาลัยการแพทย์สตรีแห่งโตเกียวในราวครึ่งหลังของปีหน้านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น