เอ็นไอเอเผยความสุขคนไทยปีนี้อันดับ 60 พร้อมเร่งบาลานซ์ความสุขด้วยนวัตกรรม สอดรับเป้ายูเอ็น “ความมีสติ สำนึกคุณค่า และการแบ่งปัน” สุขที่ต้องบรรลุปี 2566 - CyberAInews ข่าวธุรกิจ888

CyberAInews ข่าวธุรกิจ888

ข่าวเด่น ดารา บันเทิง ข่าวธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีAi ข่าวธุรกิจ888 cyberainews by chokweekly chokcyberai

Post Top Ad

22 มีนาคม 2566

เอ็นไอเอเผยความสุขคนไทยปีนี้อันดับ 60 พร้อมเร่งบาลานซ์ความสุขด้วยนวัตกรรม สอดรับเป้ายูเอ็น “ความมีสติ สำนึกคุณค่า และการแบ่งปัน” สุขที่ต้องบรรลุปี 2566

 



กรุงเทพฯ 22 มีนาคม 2565 – สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เผยปีนี้องค์การสหประชาชาติ หรือ UN จัดอันดับความสุขคนไทยอยู่ที่อันดับ 60 (ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว 1 อันดับ) พร้อมผลักดันให้ทั่วโลกตระหนักถึงความสุขอันเป็นเป้าหมายพื้นฐานของมนุษย์ภายใต้แนวคิด “Be Mindful, Be Grateful, Be Kind.” ซึ่งมุ่งเป้า “ความมีสติ สำนึกคุณค่า และการแบ่งปัน” เพื่อเพิ่มความสุขและคุณภาพชีวิตให้มากยิ่งขึ้น โดย NIA ได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการกระจายนวัตกรรมเพื่อสังคมไปสู่ระดับภูมิภาคผ่านกลไกการสนับสนุนเงินทุนในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ โครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน โครงการหมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคม โครงการนวัตกรรมเพื่อสังคมรายสาขา โดยมีหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคมที่กระจายอยู่ทั่วประเทศเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสุขและลดความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย

 


ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ หรือ UN มีนโยบายให้ทุกประเทศตระหนักถึงความสุขและเพิ่มคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ และกำหนดให้วันที่ 20 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันความสุขสากล" หรือ The International Day of Happiness โดยแต่ละปีจะมีการจัดแคมเปญในการสร้างความตระหนักแตกต่างกันออกไป สำหรับปี 2023 นี้ UN ได้กำหนดธีมวันความสุขสากลคือ “Be Mindful, Be Grateful, Be Kind” การสื่อสารที่มุ่งหวังให้ทั่วโลกคำนึงถึง ความมีสติ สำนึกคุณค่า และการแบ่งปัน ซึ่งนับเป็น 3 ประเด็นพื้นฐานที่ประชากรทั่วโลกต้องการให้เกิดขึ้นในวิถีชีวิต และช่วยเพิ่มความสุขในชีวิตประจำวันได้

 


ทั้งนี้ UN โดยเครือข่ายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (United Nations Sustainable Development Solutions Network: SDSN) ได้จัดทำแบบสำรวจผู้คนกว่า 150 ประเทศทั่วโลก เพื่อจัดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ประจำปี 2023 (World Happiness Report 2023) ซึ่งจะพิจารณาจากการประเมินชีวิตเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2020 – 2022) ผ่าน 6 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ อายุขัยของประชากรที่มีสุขภาพดี จีดีพีต่อประชากร การสนับสนุนทางสังคม การทุจริตต่ำ ความเอื้ออาทรในชุมชน และเสรีภาพในการตัดสินใจที่สำคัญในชีวิต โดยปีนี้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 60 ขยับดีขึ้น 1 อันดับจากปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก 5 อันดับแรก ได้แก่ ฟินแลนด์ เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ อิสราเอล และเนเธอร์แลนด์ จะพบว่าล้วนเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและการพัฒนาทางสังคม โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำภายในประเทศ

 


ดร.พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า NIA ให้ความสำคัญกับการผลักดันและส่งเสริมนวัตกรรมหลากหลายมิติโดยเฉพาะ “นวัตกรรมเพื่อสังคม” เพื่อเพิ่มความสุขและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมผ่านการทำงานร่วมกันของวิสาหกิจเพื่อสังคม ผู้ประกอบการ หรือแม้แต่สตาร์ทอัพ กับหน่วยงานพันธมิตรที่มีบทบาทในการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตประชากร 

 


 

ทั้งนี้ การกำหนดธีมวันความสุขสากลในปีนี้นับเป็นอีกมุมมองสำคัญที่ NIA สามารถเชื่อมนวัตกรรมไปสู่ท้องถิ่น เมือง และประเทศ โดย “Be Mindful เน้นการส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีสติทั้งการติดตามข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง การเฝ้าระวังทั้งเชิงสุขภาพ อุบัติภัย เช่น การแจ้งเตือนไฟป่า - ฝุ่นควัน การแจ้งเตือนเกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์ การเฝ้าระวังโรคระบาด  “Be Grateful การสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมที่ช่วยสร้างสำนึกคุณค่าและความพอใจต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถพึ่งพาและอยู่ร่วมกันได้อย่างเข้าใจ เช่น นวัตกรรมการเฝ้าระวังช้างป่าโดยชุมชน แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวโลว์คาร์บอนระบบสะสมไมล์โดยจักรยาน แพลตฟอร์มจัดการขยะในเมืองผ่านการมีส่วนร่วมของชุมชน และมหัศจรรย์ดอยหลวงเชียงดาวซึ่งเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลขององค์การยูเนสโกแห่งใหม่ในประเทศไทย และ Be Kind” การสนับสนุนนวัตกรรมที่แบ่งปันโอกาสให้เกิดการสร้างงาน การกระจายรายได้ไปสู่พื้นที่ ชุมชน กลุ่มเปราะบาง 

 


เช่น แอปพลิเคชัน (สร้าง-จ้าง) งานวัยเก๋า หลักสูตรพัฒนาทักษะอาชีพผลิตสื่อโฆษณาสำหรับเยาวชนกลุ่มเปราะบาง หลักสูตรพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ นวัตกรรมท่องเที่ยววิถีถิ่น 5 ชนเผ่า และแอปพลิเคชันสำหรับจัดการสวัสดิการสังคมเฉพาะบุคคล เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน NIA ให้การสนับสนุนนวัตกรรมเพื่อสังคมไปมากกว่า 600 โครงการ ครอบคลุมในหลากหลายมิติ เช่น การส่งเสริมการจ้างงาน การเข้าถึงโอกาส - สร้างความเท่าเทียม การขจัดความยากจน รวมถึงนวัตกรรมเพื่อการแบ่งปัน - สาธารณูปโภค โดยการส่งเสริมประเด็นเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดสำคัญที่จะทำให้อันดับความสุขคนในชาติเพิ่มขึ้น และยังสอดคล้องกับเป้าหมายความสุขระดับโลกตาม 6 ตัวแปรความสุขของ UN อีกด้วย

 


“ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา NIA ได้มีโอกาสร่วมกับหน่วยงานที่มีเป้าหมายสร้างความสุขให้คนในชาติอย่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมเพื่อสร้างเสริมสุขภาวะของประชาชนคนไทยทั้งในเชิงพื้นที่และกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการขยายผลงานนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาวะไปในวงกว้าง พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาวะในระดับภาคีเครือข่าย องค์กรภาครัฐ เอกชน สังคม ชุมชน และประชาชนทั่วไป และที่สำคัญยังมีหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม หรือ SID ที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการพัฒนานวัตกรรมด้วยการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา มาช่วยลดความเหลื่อมล้ำ - หาความต้องการและปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความทั่วถึงและเท่าเทียมกันมากขึ้น ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศและมีจำนวน SID จำนวน 11 หน่วย”

 







#สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ #NIA #ความสุขคนไทย #TheInternationalDayofHappiness #ความเหลื่อมล้ำ #นวัตกรรมท่องเที่ยววิถีถิ่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Ad