รพ.วิมุตรุกตลาดเฮลธ์แคร์ ประกาศจับมือพฤกษา สร้างบริการสุขภาพแบบไร้รอยต่อ
มุ่งสร้างภาคีสุขภาพรองรับกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ
บริการผสานความเชี่ยวชาญเฉพาะโรค เทคโนโลยีทางการแพทย์ และการเชื่อมต่อออนไลน์
สร้างสุขภาวะแก่คนทุกช่วงวัยเพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์ “อยู่ดี มีสุข Live well Stay well”
กรุงเทพฯ 15 มีนาคม 2566 - โรงพยาบาลวิมุต
โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ กางแผนธุรกิจระยะ 5 ปี จ่อเปิด รพ.
เจาะ 5 โซนเศรษฐกิจ โดยปีนี้เริ่มพัฒนาสาขาปิ่นเกล้าเฟสแรก
รวมถึงศูนย์สุขภาพและสถานดูแลผู้สูงอายุกระจายทั่วกรุงเทพฯ
ตลอดจนวางแผนจับมือภาคีสุขภาพอย่างโรงพยาบาลภาครัฐ
เพื่อรองรับผู้ป่วยที่ต้องการบริการการรักษาที่สะดวกรวดเร็วในราคาที่ใกล้เคียงกัน
รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจอื่น ๆ โดยเฉพาะอสังหาฯ
เพื่อบูรณาการบริการสุขภาพเข้ากับการดูแลชุมชน ล่าสุด
ประกาศจับมือกลุ่มบริษัทพฤกษา
ผนวกบริการทางการแพทย์เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลลูกบ้านโครงการ
เชื่อมโยงบริการสุขภาพเข้ากับการใช้ชีวิตแบบไร้รอยต่อ
เพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์ “อยู่ดี มีสุข Live well Stay well”
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด
กล่าวว่า
“เราได้เรียนรู้จากช่วงวิกฤติโควิดแล้วว่าเราจะกำหนดการลงทุนระยะยาวมากไม่ได้
เพราะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ใครวางแผนการลงทุนแบบตายตัวล้วนแต่อยู่ในความเสี่ยง
โลกของเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและยังมีปัจจัยหลายอย่างที่เราต้องเฝ้าระวัง
ยกตัวอย่างเช่นเชื้อไวรัสอีโบลา-มาร์บูร์ก (Marburg Disease)
ที่ตอนนี้กําลังระบาด
หากทวีความรุนแรงขึ้นเราก็อาจต้องปรับทิศทางธุรกิจกันอีก ฉะนั้น
เราจึงตั้งวิสัยทัศน์ “อยู่ดี มีสุข Live well Stay well”
โดยให้การขยายงานต่าง ๆ ในช่วง 5 ปีนับจากนี้สอดคล้องไปตามกัน
ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาวิมุตปิ่นเกล้าซึ่งจะแบ่งเป็น 3 เฟส
โครงการคลินิกบ้านหมอวิมุตซึ่งกําลังวางแผนว่าจะเป็น Stand alone หรือ
Joint venture กับพันธมิตร รวมถึงการทํา Wellness and Nursing Home
ซึ่งตอนนี้เราร่วมทุนกับเจเอเอส แอสเซ็ท นอกจากนี้
เรายังมองหาภาคีเพื่อพิจารณาธุรกิจที่เขาทําอยู่ว่าเราอาจจะไปร่วมทุนกับเขาได้ไหม
อาทิ โรงพยาบาลภาครัฐที่มีปัญหาเรื่องความแออัดของผู้ป่วย
ซึ่งวิมุตมีศักยภาพในการช่วยแบ่งเบาส่วนนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยเพื่อออกแบบโปรแกรมร่วมกัน”
ผนึกกำลังผู้พัฒนาอสังหาฯ ร่วมสร้างสรรค์ “ปัจจัยสุข” ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา วิมุตได้ประกาศความร่วมมือกับพฤกษา เรียลเอสเตท ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ในการผนวกบริการทางการแพทย์กับหมู่บ้านพฤกษา เพื่อสร้างระบบนิเวศเชื่อมโยงการใช้ชีวิตและการดูแลสุขภาพอย่างไร้รอยต่อ ช่วยให้ลูกบ้านพฤกษาทุกครัวเรือนได้รับการดูแลเสมือนมีหมอประจำครอบครัว โดยวิมุตจะเปิดศูนย์ดูแลสุขภาพตามหมู่บ้านต่าง ๆ ของพฤกษา เพื่อกระจายบริการทางการแพทย์มาตรฐานสูงให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น “วันนี้เราเปิดบริการศูนย์ดูแลสุขภาพตรงบางนาวงแหวน ซึ่งเป็นลูกบ้านของพฤกษาอเวนิว มี 7 หมู่บ้านราว 5,000 หลังคาเรือน และเรายังให้บริการแก่ลูกค้าภายนอกอย่างลูกบ้านของนันทวันซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันด้วย รวมถึงคลินิกบ้านหมอวิมุตที่รังสิตก็เช่นกัน ก็มีลูกบ้านพฤกษามาใช้ รวมถึงลูกบ้านของแลนซิโอซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน โดยครึ่งหนึ่งของหมู่บ้านนี้ก็เป็นลูกค้าของคลินิกบ้านหมอวิมุต เขามากันทั้งครอบครัว ซึ่งทางคลินิกมีหมอวิทยาศาสตร์ครอบครัวคอยช่วยดูแล” นพ.สมศักดิ์ กล่าว
ชูแผนเจาะ 5 จุดยุทธศาสตร์กรุงเทพฯ ชั้นใน พร้อมกระจายสู่ปริมณฑล วิมุตเริ่มแผนการพัฒนาวิมุตสาขาปิ่นเกล้าซึ่งแบ่งเป็น
3 เฟส สถานที่ตั้งอยู่ติดกับห้างพาต้า ปิ่นเกล้า
โดยทางเข้าอยู่ด้านถนนจรัญฯ ปัจจุบันกำลังเริ่มงานเฟสแรกแล้วโดยจะมีประมาณ
60 เตียง กำหนดเปิดดำเนินการในช่วงปลายปี 2568 และกำลังวางแผนเปิดเฟส 2
กับเฟส 3 ซึ่งหากเป็นไปตามแผนก็จะรองรับผู้ป่วยได้ราว 400-500 เตียง วันนี้ โรงพยาบาลวิมุตมีสาขาที่ถนนพหลโยธินและเทพธารินทร์ โดยปีนี้จะขยายที่ปิ่นเกล้าดังที่กล่าวไป บริษัทฯ ยังมีที่ดินผืนใหญ่ในโซนนราธิวาส
จึงวางแผนว่าจะพัฒนาโครงการให้มีทั้งโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลเฉพาะทาง
เช่น โรงพยาบาลโรคหัวใจ โรงพยาบาลระบบประสาท โรงพยาบาลผู้สูงอายุ ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีแผนการเปิดโรงพยาบาลในโซนสุขุมวิท
โดยวิมุตมุ่งเจาะพื้นที่วงในของกรุงเทพฯ ทั้ง 5 จุดยุทธศาสตร์นี้
โดยภายในระยะ 5 ปี บริษัทฯ ยังมีโครงการพัฒนา Wellness and Nursing Home
ประมาณ 12-15 แห่งในกรุงเทพฯ ชั้นกลางหรือโซน Middle Ring ส่วนโซนกรุงเทพฯ -
ปริมณฑลวงนอกก็จะมีคลินิกบ้านหมอวิมุตที่รังสิต
ซึ่งกำลังทบทวนว่าจะขยายการดำเนินงานไปในทิศทางใด
จับมือภาคีสุขภาพ ช่วยลดความแออัดในสถานพยาบาล นพ.สมศักดิ์ เล่าว่า
“แนวคิดเบื้องต้นก็คือ ในกรณีของโรงพยาบาลภาครัฐอย่างศิริราชหรือรามาฯ
ซึ่งมีความแออัดมาก เราอาจจะไปช่วยลดความแออัดได้ ซึ่งในปัจจุบัน รามาฯ
เริ่มมีการส่งเคสมาผ่าตัด เพราะผู้ป่วยบางเคสต้องรอห้องผ่าตัดนานยาวถึง 2-3
เดือน ซึ่งคนไข้ไม่อยากรอ
เราก็ไปเสนอแพ็กเกจของเราซึ่งราคาสูสีกับทางรามาฯ โดยใช้ทีมแพทย์ของรามาฯ
มาผ่าให้ และใช้ทีมของเราดูแลช่วงที่นอนพักฟื้นในโรงพยาบาล 3-5 คืน
ซึ่งห้องผู้ป่วยของวิมุตกับตึกเทพรัตน์ของรามาฯ ก็มีคุณภาพไม่แตกต่างกัน
โดยในช่วงแรกนี้เราเริ่มจากการผ่าตัดก่อน ซึ่งมีการผ่าตัดประมาณ 7-8
ประเภทและเรากําลังขยายเป็น 20 ประเภทการผ่าตัด” หลังจากนี้
วิมุตยังมีแนวคิดจะขยายความร่วมมือจากการผ่าตัดไปสู่อายุรกรรม
เพราะผู้ป่วยบางคนไป ER แต่ไม่เคยได้นอนห้องผู้ป่วย โดยได้แต่นอนอยู่ ER
นั่นแหละ เพราะเตียงไม่มี
เราก็จะนำเสนอว่าผู้ป่วยอายุรกรรมอาจย้ายมานอนที่วิมุต
ซึ่งอยู่ในช่วงการตกลงเรื่องแพ็กเกจอยู่ โครงการนี้ให้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
คือได้ช่วยรามาฯ ลดภาระ และวิมุตเองก็ได้ประโยชน์ ซึ่งบริษัทฯ
กำลังจะมีการเพิ่มเตียงผู้ป่วยต่อไป นอกจากนี้
วิมุตกำลังมีการพูดคุยกับภาคีสุขภาพอื่น ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ นนทบุรี
และสมุทรปราการ
ยกระดับ Ecosystem สู่การเป็น Virtual Hospital ที่สมบูรณ์แบบ นอกจากการเปิดตัวแอปพลิเคชัน
ViMUT ซึ่งใช้งานได้แล้วทั้งระบบ Android และ iOS
วิมุตยังมีแผนขยายช่องทางการเชื่อมต่อกับคนไข้
เนื่องจากเทคโนโลยีมีการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
โดยต่อไปจะพยายามพัฒนา Ecosystem ให้เป็น Virtual Hospital ที่แท้จริง
ซึ่งจะมีเครื่องที่ติดตั้งไว้ที่บ้านผู้ป่วยเพื่อให้ทำงานเสมือนกับ Outlet
ที่จะเชื่อมต่อทุกคนในบ้านกับทางโรงพยาบาล
แทนที่จะติดต่อแค่ทางโทรศัพท์มือถือ
โดยวิมุตกำลังพิจารณาหาเครื่องดังกล่าวโดยมีทีมที่จะสำรวจตลาดทั้งในและต่างประเทศ
คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นภายในปีนี้
ตั้งเป้าดันรายได้เติบโตในอีก 5 ปีข้างหน้า สำหรับปี
2565 ที่ผ่านมา เครือวิมุตมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 3-400 ล้านบาทจากปีก่อน
ทำให้มีรายรับรวมประมาณ 1,000 -1,200 ล้านบาท
โดยมีลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 3 เท่า
ซึ่งส่วนมากจะเป็นลูกค้าจะกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม)
รวมถึงจีน คาดว่าในปี 2566 นี้
จะมีลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นอีกเช่นกันจากการที่ประเทศต่าง ๆ
เปิดเสรีการเดินทางกันหมดแล้ว โดยวิมุตตั้งเป้ารายได้ในปีนี้เกินกว่า 2,000
ล้านบาท “เราตระหนักว่า
เราตั้งเป้าทุกอย่างแบบตายตัวไม่ได้ แต่เราคาดว่าภายใน 5 ปี
อัตราการเติบโตของเราน่าจะดับเบิ้ลไปได้เรื่อย ๆ
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละช่วง
โดยปีที่ผ่านมาลูกค้าต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นประมาณสามเท่า
ปีนี้เราก็มองว่าเราจะขยายฐานลูกค้าต่างประเทศมากขึ้น
ผ่านการนำเสนอจุดแข็งของเราทั้งในด้านความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทาง
เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย บริการระดับพรีเมียม
และการเชื่อมต่อออนไลน์เพื่อมอบประสิทธิภาพทางการรักษาและความสะดวกสบาย
ให้แก่ทั้งผู้ป่วยและครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ” นพ.สมศักดิ์ กล่าวปิดท้าย
เกี่ยวกับโรงพยาบาลวิมุต โรงพยาบาลวิมุต
ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานครฯเป็นโรงพยาบาลขั้นตติยภูมิ
(Tertiary Care) ขนาด 236 เตียงในรูปแบบอาคารสูง 18 ชั้น
ซึ่งได้รับการออกแบบตามมาตรฐานสากลของ Joint Commission International
(JCI) เน้นให้บริการรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ สมอง เบาหวาน
กระดูก ระบบทางเดินอาหาร และตับ รวมถึงกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
นอกจากนี้ ยังมีบริการทางการแพทย์อื่น ๆ อาทิ ศูนย์สุขภาพผู้สูงอายุ
(Geriatric center) เพื่อตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุ
รวมถึงการดูแลพื้นฟูสภาวะหลังวิกฤต (Transitional Care)
เพื่อฟื้นฟูร่างกายผู้ป่วยหลังจากรักษาเพื่อเตรียมตัวก่อนกลับบ้าน
เรานำเสนอบริการในรูปแบบ One-stop Service
ซึ่งครอบคลุมบริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Health to Home)
มอบความสะดวกสบายและทันสมัยผ่านการใช้แอปพลิเคชัน ViMUT
สำหรับการตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ส่วนบุคคล การจองนัดหมายแพทย์ด้วยตัวเอง
การรับคำปรึกษาจากแพทย์แบบออนไลน์ (Tele Medicine Service)
และบริการจัดส่งยาและวัคซีนถึงบ้าน (ViMUT Drug delivery)
#โรงพยาบาลวิมุต #พฤกษา #เรียลเอสเตท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น