· บ้านที่ปลอดภัย สำหรับคนวัยเก๋า
เมื่อประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ แน่นอนว่าเกือบทุกบ้านต้องมีสมาชิกครอบครัวเป็นวัยเก๋าทำให้หลายครอบครัวหันมารีโนเวทบ้านให้ตอบโจทย์และสะดวกกับผู้สูงวัยมากขึ้น โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพราะผู้สูงอายุมีแนวโน้มเกิดอุบัติเหตุ หน้ามืด/หกล้ม ได้ง่าย ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต โดยปัจจุบันสินค้าเพื่อบ้านสำหรับผู้สูงอายุมีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย ทั้งวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยของผู้สูงอายุ เช่น กระเบื้องกันลื่น พื้นลดแรงกระแทก ราวจับช่วยพยุง เป็นต้น
· บ้านเพื่อสมาชิก 4 ขา
อีกเทรนด์ที่กำลังมาแรงและสามารถสร้างแรงอิมแพคไปทุกธุรกิจในปีนี้ คงหนีไม่พ้นเทรนด์ Pet Humanization หรือการเลี้ยงสัตว์เหมือนสมาชิกในครอบครัว ที่เรียกได้ว่าทำให้เกิดสินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่เข้ามาตอบโจทย์คนกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากพบว่าเจ้าของมักเต็มใจที่จะจ่ายเงินสำหรับสินค้าและบริการ โดยคำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงของตนเองว่าจะต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับการเลือกที่อยู่อาศัย ที่ต้องถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างที่ต้องปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง อาทิ พื้นบ้านไม่ควรเลือกที่มีพื้นผิวลื่นจนเกินไป เพราะอาจส่งผลเสียกับสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้จากการทรงตัวไม่ได้ ลื่นล้ม หรืออุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในอนาคต ดังนั้นควรเลือกวัสดุปูพื้นที่เท้าของสัตว์เลี้ยงสามารถยึดเกาะได้ดี และเพื่อสุขอนามัยที่ดีก็ควรเลือกกระเบื้องที่ทำความสะอาดง่าย เช่น พื้นกระเบื้องผิวหยาบ พื้นกระเบื้องยาง เป็นต้น
· เชื่อมต่อความสัมพันธ์คนในบ้าน ‘Cluster Home’ บ้านหลายหลังในพื้นที่เดียว
ปัจจุบันเรามักเห็นคนรุ่นใหม่เลือกที่จะออกมาอยู่คนเดียวหรือสร้างครอบครัวเล็ก ๆ กันเอง แต่เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งก็มีความจำเป็นต้องย้ายกลับไปอยู่กับครอบครัวเพื่อดูแลผู้สูงอายุและใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังอยากมีสเปซส่วนตัว จึงมักมองหาบ้านที่ถูกออกแบบมาให้มีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วน โดยแยกออกมาเป็นหลังแต่ยังมีพื้นที่เชื่อมต่อถึงกันหรือพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถใช้ร่วมกันได้ ซึ่งในพื้นที่ส่วนกลางจะมักนิยมออกแบบให้เข้ากับทุกคนในบ้านเพื่อเป็นศูนย์รวมของสมาชิกทุกคน
นางสาวชุติพร คงเจริญสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ความต้องการของตลาดอสังหาฯและการก่อสร้างที่พักอาศัยมีการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ทำให้ธุรกิจในตลาดต่างต้องพัฒนาสินค้า/บริการและความเชี่ยวชาญของตนเองและธุรกิจให้ก้าวทันกับเทรนด์ เช่นเดียวกันกับไทวัสดุ ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านที่มุ่งมั่นพัฒนาขีดความสามารถในการจัดหาสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าเพื่อบ้านจากผู้ประกอบการทั่วโลกเข้ามาจัดจำหน่ายในสโตร์ เพื่อตอบสนองทุกเทรนด์และทุกความต้องการของคนไทยในราคาที่คุ้มค่า
“ไทวัสดุ เข้าใจถึงความต้องการที่แตกต่างของทุกคน สินค้าและบริการที่ไทวัสดุคัดสรรมานั้นจึงมุ่งตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย และผู้ใช้งานมากที่สุด รวมทั้งยังมีบริการต่าง ๆ เช่น บริการออกแบบบ้าน vFix โดยดีไซน์เนอร์ผู้เชี่ยวชาญ พนักงานภายในสโตร์ที่คอยให้คำปรึกษาในทุกแง่มุมเรื่องบ้าน ทั้งยังโดดเด่นในเรื่องโลเคชันที่เข้าถึงง่าย เดินทางสะดวก ครบครันไปด้วยสินค้ากว่า 38,000 รายการในทุกสาขาทั่วประเทศ โดยนอกจากจะตอบโจทย์เรื่องบ้านแล้ว ยังครอบคลุมไปถึงสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ทุกรูปแบบ อาทิ คอนโด อาคาร สำนักงาน ฯลฯ และในทุกพื้นที่ ทุกตารางเมตรของไทวัสดุยังออกแบบมาเพื่อทุกเจเนอเรชัน ทำให้ทุกคนพึงพอใจกับการเลือกซื้อสินค้าทุกครั้งที่ได้เดินทางมาที่ไทวัสดุ”
ไม่ว่าคุณมีความต้องการแบบไหนก็สามารถเข้ามาเลือกสรรสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟสไตล์และความต้องการของครอบครัวคุณได้แล้วที่ไทวัสดุทุกสาขาทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ www.thaiwatsadu.com สั่งได้ครบจบงานง่าย ติดตามข้อมูลข่าวสาร และโปรโมชั่นดีๆ จากไทวัสดุ ได้ที่ Facebook: Thai Watsadu และ ไลน์ไอดี @Thaiwatsadu หรือ โทร. 1308
#ไทวัสดุ #วัสดุก่อสร้าง #ตกแต่งบ้าน #ซีอาร์ซีไทวัสดุ #เซ็นทรัลรีเทล
###
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,553 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บ้าน แอนด์ บียอนด์ / บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (2) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี / GO! ลานชี มาร์ท ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม และมินิ โก (go!) (3) กลุ่มแฟชั่นซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม (5) กลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี โดย ณ 31 มีนาคม 2566เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 58 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 42 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น