เออาร์วี รุกนำโมเดล “ไฮ อิมแพ็ค เวนเจอร์ บิลเดอร์” เดินหน้าเข้าสู่ นิวเอสเคิร์ฟ โชว์ 3 สเต็ปผลักดันสตาร์ทอัพคลื่นลูกใหม่ เติมเต็มอีโคซิสเต็มอุตสาหกรรมเป้าหมาย - CyberAInews ข่าวธุรกิจ888

CyberAInews ข่าวธุรกิจ888

ข่าวเด่น ดารา บันเทิง ข่าวธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีAi ข่าวธุรกิจ888 cyberainews chokweekly chokcyberai

Post Top Ad

ติดตามข่าวเพิ่มเติมได้ที่ chokweekly

24 มกราคม 2567

เออาร์วี รุกนำโมเดล “ไฮ อิมแพ็ค เวนเจอร์ บิลเดอร์” เดินหน้าเข้าสู่ นิวเอสเคิร์ฟ โชว์ 3 สเต็ปผลักดันสตาร์ทอัพคลื่นลูกใหม่ เติมเต็มอีโคซิสเต็มอุตสาหกรรมเป้าหมาย

กรุงเทพฯ 24 มกราคม 2567 – บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ เออาร์วี (ARV) ผู้นำด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ เปิด 3 แนวทางเสริมแกร่งโมเดล High Impact Venture Builder (เทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ) ได้แก่ 1. ทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์ ที่ครอบคลุมทั้ง #หุ่นยนต์ปฏิบัติการอากาศยาน #หุ่นยนต์ปฏิบัติการภาคพื้น รวมถึง #หุ่นยนต์สำรวจและซ่อมบำรุงใต้น้ำ และเทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นการพัฒนา Software และ Smart Solutions เพื่อให้บริการด้านระบบปฏิบัติการต่างๆ โดยสร้างขึ้นเพื่อรองรับการแก้ปัญหาให้ผู้ใช้งาน 2. สร้างพื้นที่ทำงานและระบบนิเวศร่วมกับพันธมิตร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด พร้อมแนวทางโซลูชันการจัดการปัญหาที่ดีกว่าเดิม เพื่อเตรียมความพร้อมในการประเมินความเสี่ยงจากการทำงานเพื่อลดความล้มเหลว 3. จัดการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการผ่านการให้คำแนะนำ แนวทางการทำตลาด พร้อมเผย โมเดล High Impact Venture Builder เป็นเครื่องยนต์สำคัญในการสร้างอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต หรือ New S - Curve เช่น #หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม  #อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร ซึ่ง ARV ได้สร้างบริษัทและโซลูชันเทคโนโลยีที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมกลุ่มดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับเกียรติร่วมแชร์ประสบการณ์แนวคิดการร่วมทุนของ ARV ในบทบาทการเป็น High Impact Venture Builder ที่ครอบคลุมทั้งด้านเทคโนโลยีและด้านพาณิชย์ พร้อมแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อร่วมสร้างความยั่งยืนให้กับโลก ภายใต้หัวข้อ “Corporate Ventures Best Practices to Explore Your New S-Curve” ในงาน Corporate Innovation Summit 2023 (CIS2023)


นายสินธู ศตวิริยะ หัวหน้ากลุ่มงานธุรกิจ
บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ เออาร์วี (ARV) กล่าวว่า ช่วงที่ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในทุกๆ ด้าน ธุรกิจประเภท Corporate Ventures ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยองค์กรขนาดใหญ่ ทำหน้าที่บริหารเงินลงทุนองค์กรหรือบริษัทสตาร์ทอัพ เพื่อช่วยสนับสนุนโครงการสตาร์ทอัพที่แจ้งเกิดใหม่ต่างๆ กำลังได้รับความสนใจและมีบทบาทเพิ่มสูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกันหลายองค์กรใหญ่ต่างก็กำลังนิยมทำโมเดล Venture Builder หรือธุรกิจร่วมสร้าง โดยสร้างบริษัทสตาร์ทอัพเพื่อใช้ค้นหานวัตกรรมใหม่ที่จะนำไปสู่การสร้าง New S-Curve พร้อมให้คำปรึกษาสนับสนุนผู้ประกอบการตั้งแต่หาไอเดีย พัฒนาโมเดลธุรกิจ ตลอดจนหาแหล่งเงินลงทุนให้ธุรกิจ ซึ่งโมเดลดังกล่าวหลายองค์กรใหญ่ในต่างประเทศเริ่มทำอย่างแพร่หลายและประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกันกับเออาร์วี (ARV) ที่ดำเนินการธุรกิจมาแล้วกว่า 5 ปี แม้แรกเริ่มไม่ได้ใช้โมเดลนี้ แต่ปัจจุบันโมเดล High Impact Venture Builder ก็ได้นำมาใช้บริหารธุรกิจแล้วเช่นกัน

โดยในการบริหารธุรกิจด้วยโมเดล High Impact Venture Builder นั้น ARV มีแนวทางการปฏิบัติงาน 3 ข้อหลัก ได้แก่ 1. ทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์  2. สร้างพื้นที่ทำงานและระบบนิเวศร่วมกับพันธมิตรอันแข็งแกร่ง และ 3. จัดการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ ซึ่ง ARV ไม่เพียงมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเชิงลึกเท่านั้น แต่ยังมีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการการเงินที่จะเป็นช่องทางเงินลงทุนสำหรับสตาร์ทอัพด้วยจึงนับเป็นจุดแข็งและข้อได้เปรียบในการบริหารธุรกิจ รวมถึงปิดช่องโหว่ลดความเสี่ยงซึ่งเป็นประเด็นความท้าทายสำคัญของบรรดาธุรกิจการร่วมลงทุนต่าง ๆ ได้ด้วย

 

นายสินธู กล่าวเพิ่มเติมว่า โมเดล High Impact Venture Builder นอกจากจะมีบทบาทในเชิงการสร้างสตาร์ทอัพซึ่งเป็นคลื่นลูกใหม่ทางเศรษฐกิจแล้ว ยังถือเป็นเครื่องยนต์ที่จะเร่งให้เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม และ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายเติบโตได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต หรือ New S-Curve ซึ่งได้แก่ หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมพัฒนาคนและการศึกษา ผ่านการใช้ความคล่องตัวและรวดเร็วของสตาร์ทอัพมาสร้างความได้เปรียบ โดยเฉพาะการสร้างผลิตภัณฑ์/บริการออกสู่ตลาดที่ตรงกับความต้องการ - แก้ Pain Point ได้ทันที โดยโมเดล High Impact Venture Builder ยังใช้เวลาประสบความสำเร็จสั้นลงกว่าการทำอุตสาหกรรมรูปแบบเดิม และยังถือเป็นศูนย์กลางในการสร้างโอกาสให้กับผู้ที่มีไอเดียให้ได้รับการระดมทุนจำนวนมาก สามารถนำไปใช้พัฒนาธุรกิจแห่งอนาคตได้ในระยะยาว

 

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานภายใต้โมเดล High Impact Venture Builder ของ ARV นั้น ปัจจุบันได้สร้างบริษัทสตาร์ทอัพแล้วทั้งสิ้น 6 บริษัท มีโซลูชันด้าน AI & Robotics ที่ครอบคลุมทั้งด้านอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ พลังงาน อุตสาหกรรมดิจิทัล การแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การคมนาคม กลุ่มเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG Model) รวมทั้งการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ โดยมีส่วนในการร่วมระดมทุนและสร้างมูลค่าให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง”

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันองค์กรธุรกิจทั่วโลกกำลังมุ่งสู่แนวคิดการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน หรือการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งรวมถึงธุรกิจนวัตกรรมด้วย ARV ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีที่สามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาและร่วมสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น VARUNA (วรุณา) เป็นธุรกิจกลุ่มย่อยภายใต้การดูแลของ ARV ได้พัฒนาเทคโนโลยีด้าน AI และหุ่นยนต์ไปช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตรและบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าไม้ ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นโอกาสการเติบโตทางเทคโนโลยีใหม่ๆ หลายแขนง รวมถึงโมเดลธุรกิจ High Impact Venture Builder ที่จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเพื่อรองรับและสนับสนุนการเกิดขึ้นของสตาร์ทอัพที่มีแนวคิดในการนำเทคโนโลยีมาเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น นายสินธู กล่าวปิดท้าย

สอบถามรายละเอียดหรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://arv.co.th/ เพจเฟซบุ๊ก AI and Robotics Ventures (https://www.facebook.com/arv.th) หรือโทร. 02 078 4000

 

  #เอไอแอนด์โรโบติกส์เวนเจอร์ส #เออาร์วี #ARV #เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ #AI  #หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Ad