ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โลกของเราเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหารอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน การเพิ่มขึ้นของประชากรโลกอย่างรวดเร็ว ผนวกกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกลดลง ในขณะที่ความต้องการอาหารกลับเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างประเทศและวิกฤตเศรษฐกิจโลกยังส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอาหารอย่างรุนแรง ทำให้หลายประเทศต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารและราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้น
ท่ามกลางวิกฤตการณ์ดังกล่าว ทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการสร้างความมั่นคงทางอาหารนั้น การพัฒนาภาคการเกษตรเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หัวใจสำคัญอยู่ที่การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้มีความมั่นคงด้วย ซึ่งในประเด็นนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระวิสัยทัศน์อันยาวไกลเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหารของชาติ
โดยทรงเล็งเห็นว่าการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรคือรากฐานสำคัญ เพราะเกษตรกรคือฟันเฟืองสำคัญของระบบการผลิตอาหาร หากเกษตรกรไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ย่อมส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศโดยรวม แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านพระราชกรณียกิจของพระองค์ โดยทรงพระราชทานโรงสีข้าวให้แก่ชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนโรงสีในพื้นที่ ช่วยให้ชาวบ้านไม่ต้องซื้อข้าวสารราคาแพงจากแหล่งอื่น สามารถพึ่งตนเองได้ และทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า“การจัดโครงการฯ ในครั้งที่ 41 นี้ ได้เลือกมาศึกษาดูงานที่โรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หนึ่งในโรงสีข้าวที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้ให้กับพสกนิกรชาวไทย และเป็นโรงสีข้าวพระราชทานแห่งสุดท้ายในประเทศ ที่ยังคงเปิดให้บริการประชาชนในพื้นที่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 โดยโรงสีข้าวแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของพระปรีชาสามารถของพระองค์ในการแก้ปัญหาเฉพาะพื้นที่และสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนเกษตรกรรม โดยไม่เพียงแต่ช่วยให้ชาวบ้านมีข้าวบริโภคในราคาที่เหมาะสม แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญในปัจจุบัน”
โครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561โดย บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับองค์กรพันธมิตร ได้แก่ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน), สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย, สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), มูลนิธิธรรมดี และองค์กรภาคีเครือข่าย ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของศาสตร์พระราชา และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่จะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ประเทศชาติเกิดการพัฒนาได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการส่งต่อองค์ความรู้อันทรงคุณค่านี้ไปสู่ประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยาวชนและบุคลากรทางการศึกษาของประเทศ เพื่อให้พร้อมรับและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
ในวันเดียวกันนั้น ผู้ร่วมโครงการฯ ยังได้มีโอกาสชมต้นมะม่วงทรงปลูก ซึ่งเป็นมรดกล้ำค่าที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงปลูกไว้ ณ บริเวณด้านหน้าโรงสีข้าวพระราชทาน เมื่อครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเดินเครื่องยนต์โรงสี เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2524 มะม่วงน้ำดอกไม้ทั้งสองต้นนี้ได้เจริญเติบโตเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ และทุกปีจะมีการนำผลมะม่วงส่งถวาย พระราชวังไกลกังวล นอกจากนี้ ยังมีการทาบกิ่งเพื่อขยายพันธุ์ให้แก่ส่วนราชการอื่น ๆ เพื่อเป็นสิริมงคล สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันอันแน่นแฟ้นระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน และเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ที่เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์
การศึกษาดูงานครั้งนี้ ผู้ร่วมโครงการฯ ได้รับความรู้ในเรื่องข้าวจาก คุณกาญจนา แตงอ่อน ผู้จัดการโรงสีข้าว และ คุณจรัส หอมกลิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน ตำบลอ่าวน้อย พร้อมมีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตข้าวทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูกข้าว การสีขาว การแพ็คข้าว ไปจนถึงการจำหน่าย นอกจากนี้ ผู้ร่วมโครงการยังได้มีส่วนร่วมในการบริจาคข้าวสารจากโรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อยกับโครงการ “มูลนิธิธรรมดี มหาทานบารมี” ครั้งที่ 349 โดยมี นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มอบข้าวสารน้ำหนักรวม 1.2 ตัน ให้แก่โรงเรียน 10 แห่ง ในตำบลอ่าวน้อย เพื่อเป็นอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียน สะท้อนให้เห็นถึงการนำแนวพระราชดำริมาปรับใช้ในการสร้างความมั่นคงทางอาหารและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการสืบสานพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่ยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกในการแบ่งปันและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสังคมอีกด้วย
หลังจากกิจกรรมที่โรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อย คณะผู้ร่วมโครงการฯ ได้เดินทางต่อไปยังหาดหว้าขาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมสักการะอนุสาวรีย์ขุนรองปลัดชู และร่วมรำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของทหารกองอาทมาต 400 นาย วีรบุรุษไทยที่อาสาปกป้องผืนแผ่นดินไทยต่อสู้กับกองทัพพม่า 8,000 นาย ในศึกพระเจ้าอลองพญา ปี พ.ศ.2302 ณ หาดแห่งนี้ นอกจากนี้ ผู้ร่วมโครงการยังได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยการปล่อยปูคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศชายฝั่งและความสมดุลของธรรมชาติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริอีกด้วย
อนึ่ง ในโครงการยังมีกิจกรรม Workshop และการบรรยาย โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ อาทิ Workshop “#9ตามรอยนวัตกรรมของพ่อ #ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนระดับสากล” ที่เป็นการถอดบทเรียนนวัตกรรมศาสตร์พระราชาในประเด็น “#ศาสตร์พระราชากับนวัตกรรมแบบก้าวกระโดด” พร้อมสอดแทรกคุณธรรม 5 ประการ คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และกตัญญู และ Workshop “The King's Journey Learn English an Example of an Invention” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์อดุลย์ ดาราธรรม นายกสมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย และการบรรยายเรื่อง “#คุณธรรมในยุคดิจิทัล” โดย รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามนโยบาย UNSDG ภายในปี 2030
นอกจากนี้ ทางโครงการฯ ยังได้จัดกิจกรรมจิตอาสาและการกุศล ให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้ร่วมทำเพื่อเป็นการเสริมสร้างให้เกิดจิตสาธารณะ และฝึกความเสียสละเพื่อส่วนรวมอีกด้วย เช่น กิจกรรมมอบหนังสือจากโครงการ
“อ่านพลิกชีวิต” ของอมรินทร์กรุ๊ป พร้อมทั้งกิจกรรมมอบทุนและอุปกรณ์ทางการศึกษาจากมูลนิธิธรรมดี ให้กับโรงเรียนอ่าวน้อยวิทยาคม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งต่อไป ทางโครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 42” ขอเชิญชวนครูอาจารย์ และผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในวันที่ 13-14 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านจะได้รับประกาศนียบัตรจากทางโครงการฯ ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นหนึ่งในกิจกรรมการพัฒนาตนเองในการต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาจากคุรุสภาได้
โครงการ ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา จัดโดย บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) คุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย และมูลนิธิธรรมดี พร้อมด้วยการสนับสนุนหนังสือจากโครงการอมรินทร์อาสาอ่านพลิกชีวิต อมรินทร์กรุ๊ป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ คุณจารุกัญญ์ โทรศัพท์ 099 397 5333 FB : ตามรอยพระราชา-The King's Journey LINE : The King's Journey
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น