“#ทุเรียน” ผลไม้ยอดนิยมเอกลักษณ์แห่งซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างกระแสคึกคักบนสังคมออนไลน์ “#หมอนทอง” เป็นสายพันธุ์ยืนหนึ่งที่มีแต่คนพูดถึงมากที่สุด โดยเฉพาะทุเรียนจากสวนจันทบุรี และ “#บุฟเฟ่ต์ทุเรียน” เป็นกลยุทธ์การตลาดโดนใจที่ทำให้ “#ทุเรียนเลิฟเวอร์” ยอมควักกระเป๋า
บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้ทำการรวบรวมข้อมูลผ่านเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังเสียงในสังคมออนไลน์ (Social Listening) และนำข้อมูลเรื่องทุเรียนมาวิเคราะห์ในช่วงวันที่ 1 พฤษภาคม – 20 มิถุนายน 2567 พบว่ามีการพูดถึง (Mention) ทุเรียน ถึง 10,460 ครั้ง และ ได้รับการมีส่วนร่วม หรือเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) จำนวน 3,556,174 ครั้ง โดยเฟซบุ๊ก (Facebook) เป็นช่องทางที่ได้รับการ Mention และมี Engagement มากที่สุด
“#หมอนทอง” สายพันธุ์ทุเรียนยอดฮิต
ช่วงฤดูกาลทุเรียน เป็นช่วงที่ทุเรียนออกผลผลิตจำนวนมาก มีทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกสรรตามความชอบ โดยจุดเด่นของทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ย่อมแตกต่างกันออกไป ทั้ง หมอนทอง รสชาติหวานมันกำลังดี กลมกล่อม ไม่ได้หวานแหลมจนเกินไป และเนื้อเยอะ ก้านยาว รสชาติจะหวานมัน แต่มีขนาดเม็ดที่ใหญ่ #ชะนี รสชาติจะหวานจัด กลิ่นแรง เนื้อสีเหลืองเข้ม และมีขนาดเม็ดที่เล็ก #กระดุม รสชาติจะมีความหวานมากกว่าความมัน และเนื้อบาง #หลงลับแล รสชาติจะมีความหวาน นม ละมุนลิ้น ภูเขาไฟศรีสะเกษ รสชาติหวาน มัน กลิ่นไม่ฉุนมากนัก และเนื้อจะมีความแห้ง ไม่แฉะ นกหยิบ รสชาติจะหวาน มัน ปานกลาง มีความคล้ายคลึงกับหมอนทอง และลูกไม่ใหญ่มาก
เมื่อพิจารณาข้อมูลจาก Social Media พบว่าสายพันธุ์ทุเรียนที่ได้รับการกล่าวถึงสูงสุด (Mention) คือ หมอนทอง 56.73% รองลงมา ชะนี ภูเขาไฟศรีสะเกษ ก้านยาว และกระดุม ตามลำดับ
ส่วนสายพันธุ์ที่มี Engagement สูงสุด คือ หมอนทอง เช่นเดียวกัน มี Engagement สูงถึง 64.53% รองลงมา ก้านยาว นกหยิบ หลงลับแล และภูเขาไฟศรีสะเกษ ตามลำดับ
นอกจากรสชาติ ยังพบว่า เนื้อสัมผัสของทุเรียนก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกบริโภค โดยเนื้อสุก นิ่ม และเนื้อกรอบนอกนุ่มใน ได้รับความนิยมมากในระดับใกล้เคียงกัน ส่วนเนื้อไก่ฉีก ซึ่งเป็นทุเรียนระยะแรกของเนื้อที่สามารถกินได้ มีความกรอบ รสชาติไม่หวานมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทุเรียนเนื้อกรอบและรสชาติไม่หวานจัด
5 สายพันธ์ทุเรียนยอดฮิตที่ถูกพูดถึงมากที่สุด (by mention)
1. หมอนทอง 56.73%
2. ชะนี 10.38%
3. ภูเขาไฟศรีสะเกษ 6.13%
4. ก้านยาว 5.98%
5. กระดุม 5.88%
5 สายพันธ์ทุเรียนที่ได้รับความสนใจมากที่สุด (by engagement)
1. หมอนทอง 64.53%
2. ก้านยาว 7.89%
3. นกหยิบ 6.24%
4. หลงลับแล 5.05%
5. ภูเขาไฟศรีสะเกษ 3.41%
สวนทุเรียนเมืองจันทบุรีเป็นที่พูดถึงมากในโซเชียล
นอกเหนือจากรสชาติและเนื้อสัมผัส พื้นที่เพาะปลูกก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคใช้พิจารณาในการเลือกทุเรียน เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะด้านสภาพดิน แหล่งน้ำ อุณหภูมิ และความชื้น ซึ่งส่งผลให้ทุเรียนมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ แต่ละจังหวัดจึงมีสายพันธุ์ทุเรียนที่โดดเด่นแตกต่างกันไป โดยบางสายพันธุ์สามารถเจริญเติบโตได้ดีเฉพาะในบางพื้นที่เท่านั้น
“ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น อันเป็นผลจากการเพาะปลูกในดินภูเขาไฟของจังหวัดศรีสะเกษ ในขณะที่สายพันธุ์ “หมอนทอง” ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เป็นที่ขึ้นชื่อในหลายจังหวัด อาทิ จันทบุรี ระยอง ตราด และชุมพร ด้วยคุณสมบัติที่เจริญเติบโตง่าย ให้ผลผลิตดี และตอบโจทย์ความต้องการของตลาด
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับช่วงฤดูกาลทุเรียนออกผลผลิต แหล่งเพาะปลูกทุเรียนทั่วประเทศไทยได้รับความสนใจอย่างมาก โดยจังหวัดที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดในการออกผลผลิตทุเรียน เรียงตามลำดับ ได้แก่ จันทบุรี ระยอง ศรีสะเกษ ตราด และชุมพร
5 แหล่งเพาะปลูกทุเรียนที่ได้รับการพูดถึงสูงสุด (ในวงเล็บคือพันธ์ที่โดดเด่นในแต่ละจังหวัด)
1. จันทบุรี 21.54% (หมอนทอง)
2. ระยอง 11.45% (หมอนทอง)
3. ศรีสะเกษ 9.19% (ภูเขาไฟศรีสะเกษ)
4. ตราด 7.62% (หมอนทอง)
5. ชุมพร 4.48% (หมอนทอง)
กลยุทธ์ “บุฟเฟ่ต์ทุเรียน” แคมเปญที่รองรับลูกค้าทุกเจน
ด้วยความชื่นชอบ หลงไหลในรสชาติ และ เนื้อสัมผัสของทุเรียน ผนวกกับความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภค จึงก่อให้เกิดการพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มมากขึ้น เช่น กลยุทธ์ชั่งน้ำหนักเนื้อทุเรียนล้วน กลยุทธ์รับประกันคุณภาพเนื้อทุเรียน เป็นต้น โดยข้อมูลจากแพลตฟอร์ม DXT360 ที่น่าสนใจคือ “กลยุทธ์บุฟเฟ่ต์ทุเรียน” ที่ได้รับ Engagement ทุกช่องทางทั้งหมด 52,153 ครั้ง และ พบการกล่าวถึงทั้งหมด (Mention) 283 ครั้ง
จุดเด่นของกลยุทธ์บุฟเฟ่ต์ทุเรียนที่ช่วยตอบโจทย์ปัญหาของกลุ่มลูกค้าที่อยากจะทานคนเดียว มาเป็นคู่ หรือ มากันทั้งครอบครัว คือ
1. การได้ลองทานสายพันธุ์และเนื้อทุเรียนที่ถูกใจทุกรูปแบบ
2. ทานได้ไม่อั้น ตอบโจทย์ช่วงราคาทุเรียนแพง
3. เมนูหลากหลายทั้งแบบดั้งเดิมอย่างข้าวเหนียวทุเรียน และร่วมสมัยอย่างบิงซูทุเรียน
4. การนำเมนูทุเรียนมาเสริมเป็นอาหารหวานในไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารคาวเพื่อตอบโจทย์มื้ออาหารหลัก
5. มีผลไม้ตามฤดูกาลนอกจากทุเรียนเพื่อเพิ่มตัวเลือกให้กับลูกค้า
โดยปัจจัยที่ทำให้แคมเปญบุฟเฟ่ต์ของแต่ละเจ้าได้รับกระแสตอบรับดีมาจาก การประเมินความคุ้มค่าของลูกค้าจากราคาต่อหัว เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อนทำให้ไม่สามารถรับประทานได้ในปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ บุฟเฟ่ต์ทุเรียนที่ตึกใบหยก ได้รับกระแสตอบรับที่ดีในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเชิญอินฟลูเอ็นเซอร์ (Influencer) สายกินมาร่วมกิจกรรมโปรโมท เช่น mawin , best_apicha รวมทั้ง เพจของกินอย่าง Starvingtime
จากผลไม้สู่การต่อยอดเมนูคาว-หวาน
นอกจากแคมเปญบุฟเฟ่ต์ทุเรียนแล้ว ยังมีเมนูทุเรียนทอด ทุเรียนกวน ผลไม้แปรรูปที่เรามักคุ้นเคย ที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมชมชอบ อีกทั้งบรรดาร้านอาหารชื่อดังทั้งคาวและหวาน อย่าง MK , Swensen, Dairy Queen ก็มีการนำทุเรียนมาต่อยอดเพื่อเกิดเมนูใหม่ ๆ ขึ้นอยู่เสมอ จนได้รับความนิยม และผู้คนให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม โดยเมนูอาหารหวานยอดฮิตที่พบ เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน ไอศกรีมทุเรียน เค้กทุเรียน และเมนูอาหารคาว เช่น ส้มตำทุเรียน แกงส้มทุเรียน
“ทุเรียน” สัญลักษณ์หน้าร้อน อร่อยล้ำ ทานแต่พอดี
"ทุเรียน” ราชาผลไม้เอกลักษณ์แห่งซอฟต์พาวเวอร์ไทย เป็นผลไม้เปลือกหนาม เนื้อสีเหลืองทองอร่าม พร้อมด้วยรสชาติหวาน มัน นุ่มละมุนลิ้น และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว บางคนว่ามีกลิ่นแรง บางคนว่าหอม จนได้รับฉายา ราชาผลไม้ ทั้งยังเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานและน้ำตาลสูง หากบริโภคในปริมาณมาก ๆ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้
อย่างไรก็ตาม แม้ทุเรียนจะอุดมด้วยพลังงานและน้ำตาล แต่ทุเรียนก็มีสรรพคุณทางยาที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
ทุเรียน นอกจากเป็นสัญลักษณ์ฤดูร้อนแล้วยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ มีฤดูเก็บเกี่ยวเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี หลังจากนั้นผลผลิตจะเริ่มลดลง แต่ยังคงมีออกผลในบางพื้นที่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภูมิภาคและสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่
ข้อมูลทั้งหมดที่นำมาวิเคราะห์หา Insight รวบรวมผ่าน DXT360 แพลตฟอร์มติดตามข่าวสารและเสียงของผู้บริโภค (Social Listening) ของบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด (dataxet:infoquest) โดยเก็บข้อมูลระหว่าง 1 พฤษภาคม – 20 มิถุนายน 2567
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น