#สกสว. - #บพท. สำรวจเส้นทางการค้าอนุฯ #ลุ่มน้ำโขง หนุนโอกาส “ไทย-ลาว-จีน” ใช้ ววน. นำทางการท่องเที่ยว ขนส่ง การปศุสัตว์และการเกษตร
กรุงเทพฯ 9 กันยายน 2567 - #สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (#สกสว.) ร่วมกับ #หน่วยบริหารและจัดการทุนเชิงพื้นที่ (#บพท.) และ #มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (#มรภ.เชียงราย) สำรวจเส้นทางการค้าการลงทุนทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง Greater Mekong Subregion (GMS) และโลจิสติกส์ตามเส้นทางเศรษฐกิจ R3A เส้นทางแขวงหลวงน้ำทา #สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และ จุดเชื่อมต่อการค้าในการส่งออก-นำเข้าสินค้าเกษตร ระหว่าง ด่านบ่อเต็น สปป.ลาว และ ด่านบ่อหาน เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงการศึกษางานท่าเรือกวนเหล่ย ท่าเรือขนส่งทางน้ำของของเส้นทางการค้าระหว่างประเทศในลุ่มแม่น้ำล้านช้างและลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อร่วมแลกเปลี่ยน เรื่องการค้า-การลงทุน การนำเข้า-ส่งออก การผลิต-แปรรูปผลิตผลการเกษตร และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นของแขวงหลวงน้ำทา กับการพัฒนาด้านโลจีสติกส์ของประเทศจีน โดยมีหน่วยภาครัฐ ภาคเอกชน แขวงน้ำทา สสป.ลาว และนักวิชาการตามเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ เข้าร่วมการประชุมด้วย
รศ.ดร.นิรมล สุธรรมกิจ ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ด้านสังคม สิ่งแวดล้อม เชิงพื้นที่ และลดความเหลื่อมล้ำ (O-Inclusiveness) กล่าวว่า สกสว. มีหน้าที่ในการจัดทำแผน และกรอบงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ของประเทศ ซึ่งแบ่งงบประมาณออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ งบประมาณในการสนับสนุนการวิจัยขั้นพื้นฐานและเสริมสร้างศักยภาพการวิจัยให้กับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกกระทรวง อว. (Fundamental Fund, FF) ปัจจุบันมีหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ ผ่านหน่วยรับงบประมาณของกระทรวง และ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวม 186 หน่วยงาน และงบประมาณในการสนับสนุนความจำเป็นเร่งด่วนสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ (Strategic Fund, SF) ผ่านหน่วยบริหารและจัดการทุน 9 หน่วยงาน ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ
นอกจากบทบาทหน้าที่หลัก ตามที่กล่าวแล้ว สกสว. ยังได้รับมอบหมายจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ตามมติคณะรัฐมนตรี ให้ดำเนินการจัดทำแผนขับเคลื่อนการดำเนินงานในองค์ประกอบการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ด้านการวิจัย พัฒนา และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ใน 4 ภูมิภาค ที่ได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ และ จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่หนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง) ที่ต้องดำเนินการ โดยการต่อยอดงานวิจัย ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผ่านหน่วยรับงบประมาณ และหน่วยบริหารและจัดการทุน สู่การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในมิติต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่สถาบันการศึกษา ศูนย์วิจัย และอุทยานวิทยาศาสตร์ในพื้นที่ ให้มีบทบาทนำและเชื่อมโยงภาคีต่างๆ ในการวิจัยและพัฒนา เพื่อสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือนวัตกรรม แก่หน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจและเกษตรกร ที่จะทำให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น
“การลงพื้นที่ และการหารือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้ ถือเป็นการรับฟังโจทย์และความต้องการของพื้นที่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อนำข้อมูลที่ได้กลับไปทบทวนและจัดทำแผนด้าน ววน. ให้สอดคล้องกับนโยบายที่ได้รับมอบหมาย และเป็นไปตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่ 3 ของ แผนด้าน ววน. โดยเฉพาะแผนที่ 13 ว่าด้วยเรื่องของการพัฒนาเมืองน่าอยู่และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น และการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมสู่ทุกภูมิภาค โดยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งต้องมีการสนับสนุน ส่งเสริม และขับเคลื่อน ววน. ให้เกิดผลกระทบตามตัวชี้วัด คือ การทำให้พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษมีมูลค่าสินค้าและบริการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จำนวน 3 พื้นที่ ในช่วงปี 2566-2570”
รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร บพท. กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการดังกล่าว จะดำเนินการเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ จะต้องอาศัยความร่วมมือในทุกระดับ ทั้งในส่วนของระดับปฏิบัติการและระดับนโยบาย เพราะหากประเทศใดประเทศหนึ่งของประเทศเพื่อนบ้านมีความเจริญ หรือประสบความสำเร็จทางการค้า ทุกประเทศก็จะสำเร็จไปด้วยกัน โดย บพท. ในฐานะหน่วยบริหารและจัดการทุน ที่รับงบประมาณจากกองทุน ววน. พร้อมที่จะริเริ่มประสานความร่วมมือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ทำระบบความรู้เปิด เช่น ความรู้ภาคการเกษตร หรือ การท่องเที่ยว และองค์ความรู้อื่นๆที่จะสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสร้างการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการพัฒนาโจทย์วิจัยให้มีความเชื่อมโยงกับความต้องการ อาทิ โปรแกรม/ระบบ ที่ทำให้การลงทุนจาก 3 ส่วน คือ ไทย จีน ลาว ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งการแชร์เทคโนโลยีร่วมกัน ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการคลี่ภาพทั้ง value chain เพื่อจำแนกผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ
ในส่วนของ สปป.ลาว ได้นำเสนอประเด็นความร่วมมือกับไทย อาทิ พัฒนาสายพันธุ์วัว การปลูกพืชอินทรีย์ เพื่อสนับสนุนการยกระดับการท่องเที่ยวของ สปป.ลาว ที่ประกาศให้เป็นปีการท่องเที่ยว อาทิ 1. การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ 2. การท่องเที่ยววัดวาอาราม และ 3. การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น