#สศร. ส่งเสริม 5 ผู้ประกอบการผ้าภาคใต้ จัด #แฟชั่นโชว์ 32 ผลงาน #ผ้าบาติก
วันที่ 9 พฤศจิกายน ณ #ห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ #สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย #กระทรวง
วัฒนธรรม บูรณาการความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นและการตลาด ลงพื้นที่ให้ความรู้ผู้ประกอบการผ้า
ไทยภาคใต้ ส่งเสริมเครื่องแต่งกายผ้าไทยร่วมสมัย จัดแสดงแฟชั่นโชว์ 32 ผลงานผ้าติก พร้อมจำหน่ายสินค้า
และนิทรรศการถ่ายทอดองค์ความรู้ ที่ได้รับจากการพัฒนาการสร้างสรรค์ผลงานเครื่องแต่งกายและผลิตภัณฑ์
นางเกษร กำเหนิดเพ็ชร รองผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย รักษาราชการแทนผู้อำนวยการ
สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กล่าวว่า “ภายในงานเป็นการรวมผลงานทั้ง 32 ชิ้นงานจากการที่ สำนักงาน
ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย บูรณาการความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นและการตลาด ลงพื้นที่ไปให้ความรู้
แก่ผู้ประกอบการในภาคใต้ จำนวน 5 ผู้ประกอบการ ได้แก่ บาติก เดอ นารา จังหวัดปัตตานี , ME-D นาทับ
จังหวัดสงขลา , รายาบาติก จังหวัดปัตตานี , กลุ่มสีมายา จังหวัดยะลา และ เก๋ บาติก จังหวัดยะลา
เพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการ 3 ด้าน การออกแบบ การสร้างสไตล์ และการสร้างแบรนด์สินค้าให้มี
ความแข็งแกร่ง ตอบโจทย์ตลาดแฟชั่นในปัจจุบัน ดึงดูดให้คนรุ่นใหม่หันมาใช้ผ้าไทยในสไตล์ที่หลากหลาย
อันจะนำไปสู่การสร้างรายได้ สร้างจิตสำนึกรักและภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น”
“ซึ่งความสำเร็จของผลงานทั้ง 32 ชิ้นงาน จะก่อให้เกิดการสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ สร้างเครือข่าย
ความร่วมมือระหว่างดีไซเนอร์ สไตล์ลิส และผู้ประกอบการผ้าไทย ให้เข้มแข็งมากขึ้น ต่อยอดผลิตภัณฑ์
ท้องถิ่นสู่สินค้าที่มีมูลค่าในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ส่งเสริมทุนทางวัฒนธรรมไทยให้ก้าวเข้าสู่ความต้องการ
ระดับนานาชาติต่อไป ทั้งนี้ ขอขอบคุณนายหิรัญกฤษฎิ์ ภัทรบริบูรณ์กุล ดีไซเนอร์ , นายวิชรปาณี มากดี แฟชั่น
สไตล์ลิส และนายศิวัจน์ เลิศศศิศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจแฟชั่น ที่มาช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับ
ผู้ประกอบการ พัฒนาผ้าไทยให้มีความหลากหลาย รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมผ้าไทยร่วมสมัยไปสู่ระดับ
นานาชาติต่อไป”
นายหิรัญกฤษฎิ์ ภัทรบริบูรณ์กุล ดีไซเนอร์โครงการกล่าวเพิ่มเติมว่า “เราเข้ามาช่วยเสริมศักภาพและพัฒนา
ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งไม่เพียงแต่จะได้รับทักษะในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพสูงขึ้น แต่ยัง
มีความพร้อมในการนำเสนอสินค้าของตนในตลาดที่กว้างขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้าง
ความสามารถในการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการไทยในตลาดแฟชั่นระดับโลก ขณะที่ยังคงรักษาความเป็น
เอกลักษณ์ของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น