ยืนหนึ่งสวนกระแส!! เจาะกลยุทธ์และเหตุผล ทำไม “#ไทวัสดุ” ในเครือ #เซ็นทรัลรีเทล ยังโตแกร่ง ครองใจศูนย์รวมสินค้าเพื่อบ้านแห่งปี 2024 พร้อมอินไซต์ปัจจัยสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าในหลากเซกเมนต์
เรียกได้ว่า 2024 เป็นปีสุดหินของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในปีนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย และผู้ดำเนินธุรกิจในตลาดดังกล่าวต่างต้องปรับตัวเพื่อสู้กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีความผันผวน โดยในส่วนของประเทศไทยมีการคาดการณ์จากสถาบันต่างๆว่า ปิดท้ายปีนี้อาจติดลบถึง 20% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบทศวรรษ และถือเป็นธุรกิจที่ยังคงต้องจับตาว่าก้าวต่อไปในอนาคตนั้นจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในเรื่องของกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น
แม้ภาพรวมของอุตสาหกรรมดังกล่าวจะอยู่ในระดับการเติบโตที่ไม่มากนัก แต่หากเจาะลึกถึงธุรกิจในห่วงโซ่จะพบว่าบางภาคส่วนมีการเติบโตสวนกระแส และอยู่รอดได้ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันที่รุนแรง ดังเช่นไทวัสดุ ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ที่จะเห็นได้ว่ามีทั้งการขยายจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ซื้อจากหลาย ๆ ภูมิภาคทั่วประเทศ และที่เป็นไฮไลต์อย่างการเขย่าวงการธุรกิจรีเทลฮาร์ดไลน์กับผลประกอบการสุดแกร่งจากปี 2023 ที่ผ่านมา ด้วยยอดขายรวมนิวไฮสูงสุด 40,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 11%
จากภาพรวมการเติบโตนี้มีความน่าสนใจอย่างมาก ซึ่งในวันนี้เราจะพาไปดูปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์ดังอย่างไทวัสดุเติบโตสวนเส้นทางกำลังซื้อและภาพรวมทางเศรษฐกิจ และถือเป็นกรณีที่น่าศึกษาว่าทำไมหากนึกถึงเรื่องบ้าน งานก่อสร้าง และไลฟ์สไตล์ต้องนึกถึงแบรนด์ที่รู้ใจทุกความต้องการอย่าง “ไทวัสดุ”
· โมเดลไฮบริดสโตร์ ชูแกร่งทั้งวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน
เป็นระยะเวลานานถึง 14 ปี ที่ไทวัสดุ ได้เข้ามาเป็นผู้เล่นเบอร์ต้นๆในวงการธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง แม้จะมาทีหลัง แต่สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วทุกปี ด้วยการวาง Position ตัวเองที่ชัดต่อการเป็นผู้จำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน ตามสโลแกน “ไทวัสดุ ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี” จึงทำให้ช่างและผู้รับเหมาที่ต้องการซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างทั้งงานเล็ก งานใหญ่ จะต้องนึกถึงร้านไทวัสดุ เป็นอันดับแรกๆ ทั้งนี้ไทวัสดุ ยังเรียกได้ว่าเป็นเจ้าแรกของวงการธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ที่สร้างโมเดล White Format ในรูปแบบไฮบริดสโตร์ เปิดเต็มรูปแบบครั้งแรกที่สาขาศรีสมาน จังหวัดนนทบุรี ในปี 2021 ซึ่งเป็นการรวมจุดเด่นของสองแบรนด์ คือ ‘ไทวัสดุ’ และ ‘บีเอ็นบี โฮม’ กลายเป็น ‘ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม’ ศูนย์รวมสินค้าวัสดุก่อสร้างฮาร์ดไลน์ และสินค้าสำหรับตกแต่ง-ซ่อมแซมบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเพื่อบ้านครบวงจรกว่า 50,000 รายการ เป็นอีกจุดนัดพบของช่าง ผู้รับเหมา ผู้ประกอบการ และเจ้าของบ้าน ได้มาสัมผัสประสบการณ์ช้อปในโมเดิร์นเทรดทันสมัย ครบครันด้วยสินค้าเพื่อบ้านทุกหมวดหมู่จากแบรนด์ดัง คุณภาพดีและราคาคุ้มค่า เพิ่มยอดขายได้ถึง 30% ตลอดจนการเพิ่มไลน์สินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้น เพื่อตอบรับดีมานด์และขยายฐานลูกค้าระดับ Mid-to-High เป็นการเปลี่ยนมุมมองใหม่ให้การเลือกซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป และสามารถเข้าถึงไลฟสไตล์ผู้คนได้ทุกกลุ่มอย่างแท้จริง
· สินค้าราคา ‘ถูก’ และ ‘คุ้ม’ หลายต่อ
หากเดินเข้าไปในร้านไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม เราจะพบเห็นสินค้ามากมายติดราคาลดพิเศษสูงสุดถึง 70% และถูกกว่าในท้องตลาด นั่นเป็นเพราะไทวัสดุ ให้ความสำคัญในเรื่องราคาสินค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อได้ในราคาที่เอื้อมถึง จึงได้ใช้กลยุทธ์ Big Volume Order ทำการซื้อและจัดหาสินค้าที่เน้น Volume สูง เพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำ แต่สินค้ายังคงคุณภาพที่ดี ยิ่งไปกว่านั้น ไทวัสดุ ยังมีการจัดโปรโมชันทุกเดือน ยิ่งช้อปมากก็ยิ่งคุ้มกับคูปองส่วนลด บัตรกำนัลเงินสด บัตรกำนัลทอง และสิทธิประโยชน์หลายต่ออีกมากมาย ซึ่งโปรโมชันในออนไลน์และที่หน้าร้านนั้นเป็นแบบเดียวกัน ราคาเท่ากัน ไม่ต้องเสียเวลาในการเปรียบเทียบราคา อีกทั้งยังมีบริการจัดส่งสินค้าฟรี จึงทำให้ไทวัสดุ สามารถดึงดูดลูกค้าที่คำนึงถึงความอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าช่างและผู้ประกอบการที่ต้องมีการสั่งซื้อวัสดุสินค้าก่อสร้างในปริมาณมาก หรือลูกค้าเจ้าของบ้านที่มีความใส่ใจทั้งคุณภาพของสินค้าและราคา
· ขยายสาขาเยอะ เข้าถึงทุกพื้นที่แบบ ‘ป่าล้อมเมือง’
ปัจจุบัน ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม มีจำนวนสาขารวมทุกฟอร์แมททั้งหมด 103 สาขา ทั่วทุกภูมิภาค ทั้งในจังหวัดใหญ่และเมืองรอง ทำให้เข้าถึงลูกค้าในทุกพื้นที่ได้อย่างกว้างขวาง โดยที่ร้านไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม จะตั้งอยู่ในไพร์มโลเคชั่น ใจกลางเมือง และโลเคชั่นบนถนนสายหลักสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองและไปพื้นที่จังหวัดอื่นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกค้าทุกกลุ่มในพื้นที่และจากพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเดินทางมาช้อปที่ไทวัสดุได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ไทวัสดุให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มรายย่อย กลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่ ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นครบวงจร ตั้งแต่สินค้าวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือช่าง สินค้าสำหรับตกแต่งซ่อมแซมบ้าน สินค้าอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า ระบบประปา โซล่าร์เซลล์ เฟอร์นิเจอร์สำหรับทุกห้องในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเพื่อบ้าน เรียกได้ว่า หากต้องการสร้างบ้านใหม่ หรือตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน ก็สามารถมาที่ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ได้ของครบจบในที่เดียว
· ก้าวล้ำกว่าใครในตลาดด้วยบริการที่เหนือมาตรฐาน
ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ไม่ได้หยุดแค่เรื่องการจำหน่ายสินค้าดี ราคาถูก และมีสาขาเยอะเท่านั้น แต่ยังให้บริการที่มากกว่าคำว่าได้มาตรฐาน ด้วยความเข้าใจในลูกค้าทุกกลุ่ม เจาะลึกถึง Pain point และ Demand ของลูกค้า เพื่อนำไปพัฒนาการให้บริการในทุกช่องทาง ตั้งแต่พนักงานไทวัสดุ ที่มีความรู้ในสินค้าเป็นอย่างดี สามารถให้คำแนะนำในเรื่องตัวสินค้าหรือโปรโมชั่นเพื่อความคุ้มค่าแก่ลูกค้า บริการ vFIX ช่างมือ 1 เรื่องบ้านจากไทวัสดุ ให้คำแนะนำและบริการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องปรับอากาศ ปั๊ม แท็งค์น้ำ เตาแก๊ส ชุดสุขภัณฑ์ ระบบไฟฟ้า รวมถึงงานซ่อมแซม รีโนเวท งานออกแบบดีไซน์ด้วยโปรแกรม 3D ฯลฯ ซึ่งพนักงาน vFIX ทุกคนผ่านการอบรมจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งเป็นบริการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่อาจไม่มีเวลาในการไปหาช่าง และการได้ช่างฝีมือดี ไม่ทิ้งงานนั้นก็เป็นอีกปัญหาที่ไทวัสดุมองเห็น จึงเกิดบริการ vFIX นี้ที่ไทวัสดุทุกสาขา เพื่อให้ลูกค้าที่มาซื้อสินค้าแล้ว สามารถขอคำแนะนำหรือใช้บริการได้ทันที
การให้บริการจำหน่ายสินค้าทั้งแพลตฟอร์มออฟไลน์และออนไลน์ของไทวัสดุ ด้วย Omnichannel ในรูปแบบ Phygital คือ Physical Shop (หน้าร้าน) ผสานกับ Digital Shop (ช่องทางออนไลน์) ซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตของลูกค้าทุกกลุ่ม โดยมีการเชื่อมต่อ data ให้ลูกค้าสามารถช้อปได้ในทุกแพลตฟอร์มอย่างไร้รอยต่อ เช่น บริการ Click & Collect สั่งสินค้าทางออนไลน์ และเลือกรับสินค้าได้ในสาขาที่สะดวก บริการ E-Commerce ด้วย Website Social Commerce (Line -Chat & Shop, Facebook, Call & Shop, Call Center, Application, Call center 1308)
· เข้าใจ อินไซต์ลูกค้า ตอบทุกโจทย์ความต้องการได้เหนือความคาดหมาย
ไทวัสดุ ให้ความสำคัญกับลูกค้าตั้งแต่รายย่อย กลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ เข้าใจในความต้องการของลูกค้า รับฟังความคิดเห็น แล้วนำเสนอด้วยสินค้าที่ผ่านการคัดสรรจากแบรนด์ดัง การตั้งราคาและโปรโมชั่นที่มุ่งเน้นความคุ้มค่าของลูกค้า ตลอดจนบริการโซลูชั่น การพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆเพื่อการให้บริการที่ดีที่สุด
“ไทวัสดุ เกิดขึ้นและสำเร็จได้เพราะเราให้ความสำคัญในเรื่อง Customer Centric เชื่อว่าการที่ไทวัสดุ อยู่ในใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้นั้นเป็นเพราะเรามองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งได้มีการนำอินไซต์ต่างๆมาพัฒนาแผนการตลาด ปรับปรุงกลยุทธ์ต่างๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้จริง จึงทำให้ไทวัสดุ มีลูกค้าที่เป็น long-term customer ขณะเดียวกันเราก็ได้ขยายฐานลูกค้าใหม่ด้วยเช่นกัน”
นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลา 14 ปี ตั้งแต่เปิดสาขาแรกมาจนถึงปัจจุบันนี้ ไทวัสดุ ยังมุ่งเน้นจุดยืนการเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ช้อปที่ดีให้กับลูกค้าได้อย่างคุ้มค่า สร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ในการตกแต่ง ซ่อมแซมบ้านอย่างไม่จำกัด ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาพันธมิตรกับคู่ค้าทางธุรกิจ การพัฒนารูปแบบนวัตกรรมของสินค้า และบริการ ตลอดจนให้ความสำคัญ เรื่องความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ดังเช่น การจำหน่ายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยต่อลูกค้า การเป็นเจ้าแรกที่ทำกรีนโลจิสติกส์ด้วยการใช้รถบรรทุกสินค้า เป็นผู้นำเจ้าแรกในวงการธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ใช้รถบรรทุกพ่วงแม่ลูก
ในส่วนภาพรวมจำนวนสาขาของไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม รวมได้ทั้งหมด 103 สาขา ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ใน 50 จังหวัด โดยภายในปี 2567 ที่ผ่านมานี้ บริษัทฯ สามารถขยายสาขาใหม่ ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม รวมเป็นจำนวน 8 สาขา ได้แก่ 1.) ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาอุดรธานี กุดสระ 2.) ไทวัสดุ สาขาอรัญประเทศ 3.) ไทวัสดุ สาขาสระแก้ว 4.) ไทวัสดุ สาขาแกลง 5.) ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาพระรามสาม 6.) ไทวัสดุ สาขาอุทัยธานี 7.) ไทวัสดุ สาขาแพร่ และ 8.) ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาขอนแก่น 2 ซึ่งในปี 2568 นี้ยังมีแผนเปิดสาขาอื่นๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ได้ยึดหลักปรัชญาดำเนินธุรกิจ CRC CARE ภายใต้เซ็นทรัล รีเทล ในด้าน CARE FOR THE COMMUNITY ด้วยการเคียงข้างสังคม ยกระดับคุณภาพชิวิตของผู้คนในท้องถิ่น ดังเช่น โครงการ
‘ไทวัสดุ เคียงข้าง สร้างสุข’ ที่ส่งความช่วยเหลือบริจาคน้ำดื่ม อุปกรณ์ทำความสะอาด และการระดมกำลังทำ Big Cleaning จากกลุ่มพนักงานไทวัสดุจิตอาสา ที่ได้มีการลงพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคเหนือและภาคใต้, การบริจาคเงินสนับสนุนสถานพยาบาลในท้องถิ่น โดยไทวัสดุร่วมบริจาคกับคู่ค้าพันธมิตรทุกครั้งที่เปิดสาขาใหม่ ซึ่งในปี 2567 นี้ ยอดเงินบริจาครวมแล้วกว่า 400,000 บาท เพื่อเป็นประโยชน์และส่งเสริมการรักษาพยาบาลในชุมชน รวมไปถึงการยึดมั่นในด้านความยั่งยืน CRC CARE FOR SUSTAINABILITY ซึ่งได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ดังเช่น การร่วมสืบสานพระราชปณิธานในโครงการป่ารักษ์น้ำ สร้างฝายชะลอน้ำใน จ.เชียงใหม่ รวมกว่า 1,400 ฝาย , การดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการนำรถบรรทุกพลังงานสะอาด หรือ EV Truck มาใช้ในการขนส่งสินค้า เพื่อร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และยังมีการส่งต่อความยั่งยืนในตัวบุคคลอีกด้วย ทั้งด้านการเปิดโอกาสจ้างงานคนในท้องถิ่นกว่า 200 อัตรา ที่สาขาใหม่ทุกแห่ง และการเปิดศูนย์บริการลูกค้า Contact Center ณ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัมนาคนพิการ โดยมีคนพิการกว่า 100 คน ได้ปฏิบัติงานในตำแหน่ง Call Center ซึ่งเป็นการส่งเสริมอาชีพผู้พิการให้มีรายได้มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองและดูแลคนในครอบครัวได้อย่างยั่งยืน
เชื่อมั่นว่า เราจะยังได้เห็นการเดินทางของไทวัสดุในปีต่อๆไปว่าจะมีทิศทางการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างไร ท่ามกลางความผันผวนของสถานการณ์บ้านเมือง เศรษฐกิจ สังคม ซึ่งส่งผลกระทบในการดำเนินงานทุกธุรกิจและทุกองค์กร ที่ต้องมีการปรับตัว ไม่อยู่นิ่ง ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ท้าทายของ ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ในการมุ่งสู่ความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านอย่างครบวงจร
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,759 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อซูเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์เดลี่ โก โฮลเซลล์ บิ๊กซี / GO! และ ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม มินิ โก (go!) เวียดนาม ลานชี มาร์ท เวียดนาม (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (3) กลุ่มแฟชั่นซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต เรฟ รันเนอร์ และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม (5) กลุ่มเฮลธ์แอนด์ เวลเนส ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2567เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 62 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 42 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น