#CEA ผลักดันประเทศไทยสู่ #CreativeNation อุตสาหกรรมสร้างสรรค์โต 1.44 ล้านล้านบาท กระจายโอกาสสร้างสรรค์ทั่วประเทศ
#สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ #CEA สรุปผลการขับเคลื่อนประเทศไทย สู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ในปี 2567 โดยในปี 2566 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 15 สาขาหลักของไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.44 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 8.01% ของ GDP ประเทศ พร้อมการจ้างงานเกือบ 1 ล้านคน สะท้อนศักยภาพที่เติบโตต่อเนื่องผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก พบว่าสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า3,119 ล้านบาท พัฒนาผู้ประกอบการมากกว่า 10,000 ราย เพิ่มรายได้เฉลี่ย 30% และผลักดันศิลปินไทยสู่เวทีนานาชาติกว่า11 ประเทศ สะท้อนบทบาทของประเทศไทยในฐานะ ‘Creative Nation’ที่ใช้วัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม
ปัจจุบันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ด้วยบทบาทของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์กรมหาชน) หรือ CEA ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ ได้ประกาศผลสำเร็จจากการดำเนินงานในปี 2567 พร้อมเดินหน้าขยายผลในปี 2568 ผ่านยุทธศาสตร์ “Creative Economy Infrastructure” ที่ส่งผลต่อทั้งมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม พร้อมตั้งเป้าผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ให้เติบโตขึ้นอีก 5% ภายในปี 2570 โดยมุ่งเสริมความเข้มแข็งและขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลกอย่างยั่งยืน
ทำไมเศรษฐกิจไทยต้อง ‘สร้างสรรค์’ ?
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือ ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย ความคิดสร้างสรรค์ x ทุนทางวัฒนธรรม x นวัตกรรม เพื่อพัฒนาสินค้า บริการ และธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางสังคมเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศในระยะยาว เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไม่ได้แค่สร้างมูลค่า แต่ยังสร้างคุณค่า ให้กับคน เมือง สินทรัพย์ และสังคม ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศสร้างสรรค์ที่เปิดพื้นที่ให้ “ตัวตน” และ “เรื่องราว” ของแต่ละท้องถิ่นโดดเด่นขึ้นมาเป็นข้อได้เปรียบที่เลียนแบบไม่ได้ จากผลการจัดอันดับโดย BrandFinance บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านการประเมินมูลค่าแบรนด์ระดับโลก ระบุว่าในปี 2025 ประเทศไทยมีดัชนีการเติบโต ด้าน Soft Power อยู่ในอันดับที่ 39 ของโลก ซึ่งสะท้อนศักยภาพของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยที่เติบโตมาถูกทาง และมีแนวโน้มเสริมพลังอิทธิพลทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจในระดับโลกได้ต่อเนื่อง CEA จึงวางภาพอนาคตของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยในระยะ 10 ปี (ปี 2566-2575) โดยคาดว่าอุตสาหกรรมจะปรับตัวใน 4 แนวทางสำคัญ ได้แก่ (1) Cultural Value Added พัฒนาแนวคิดสร้างสรรค์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนคุณค่า ทางวัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลาย และเปิดตลาดเฉพาะกลุ่ม (2) Sustainability Rebalanced สร้างสมดุลใหม่ของการบริโภคและการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม(3) Technological Blending for Every Scale ผสานเทคโนโลยีกับวิถีชีวิตในทุกมิติ เพื่อเปิดโอกาสใหม่ในภาคธุรกิจสร้างสรรค์ และ (4) Prosperity Downturn รับมือกับเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนด้วยเหตุนี้ CEA จึงเร่งปรับทิศทางนโยบายและกลยุทธ์ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง พร้อมผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตในทศวรรษหน้า
เปิด 3 กลยุทธ์ ‘สรรสร้าง’ คน สังคม วัฒนธรรม ธุรกิจ และเมือง ให้ ‘สร้างสรรค์’
เพราะ ‘คน’ คือหัวใจของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ CEA จึงมุ่งเสริมศักยภาพของบุคลากรไทย ให้มีความคิดสร้างสรรค์ ทักษะ และมุมมองเชิงกลยุทธ์ที่ทันต่อเทรนด์ การตลาด และบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยวางรากฐานระบบนิเวศสร้างสรรค์ใน 3 มิติหลัก ได้แก่ ย่านและเมืองสร้างสรรค์ ธุรกิจสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ พร้อมขับเคลื่อนผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ ดังนี้
1. Empower Cultural Assets and Creative Cities เสริมพลังทุนวัฒนธรรมและเมืองสร้างสรรค์ โดยกลยุทธ์นี้เน้นสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้ประชาชน “มองเห็นโอกาส” และ “กลับบ้าน” มาพัฒนาบ้านเกิดผ่านความคิดสร้างสรรค์ โดยเทศกาลงานออกแบบและกิจกรรมสร้างสรรค์ในภูมิภาคเป็นกลไกสำคัญ เช่น เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ (Chiang Mai Design Week) เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ (Bangkok Design Week) เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ (Isan Creative Festival) เทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ (Southern Design Week) เครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Thailand Creative District Network – TCDN) โครงการส่งเสริมเมืองสร้างสรรค์ไทยสู่เครือข่ายสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network – UCCN) และ New TCDC ซึ่งเป็นโครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ในจังหวัดเป้าหมาย 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย นครราชสีมา ปัตตานี พิษณุโลก แพร่ ภูเก็ต ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุตรดิตถ์ และอุบลราชธานี โดยมีเป้าหมายเพื่อ พัฒนาทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างพื้นที่ปฏิบัติการทางความคิดสร้างสรรค์ ดึงคนรุ่นใหม่กลับสู่ภูมิภาคเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ฐานราก โดยผลลัพธ์ปี 2567 มีผู้ประกอบการได้รับการพัฒนาแล้ว10,374 ราย ผู้ประกอบการ SMEs มีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 30.92%
นอกจากนี้ในปี 2567 กลุ่มเทศกาลเหล่านี้สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 3,119 ล้านบาท พร้อมเปิดพื้นที่ให้เกิดการต่อยอดธุรกิจและเครือข่ายเชิงพื้นที่ และมีการต่อยอดเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ระดับโลกทั้งหมด 12 เมืองสร้างสรรค์ทั่วประเทศไทย
2. Build Creative Business Competitiveness ยกระดับศักยภาพธุรกิจสร้างสรรค์ไทย ซึ่ง CEA เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทั้งภาคการผลิตและบริการ ผ่านการเติมองค์ความรู้ พัฒนาทักษะ และเชื่อมโยงโอกาสใหม่ในตลาด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทั้งในประเทศและระดับโลก โดยมีโครงการสำคัญ อาทิ CHANGEx2 โครงการจับคู่ธุรกิจท้องถิ่นภาคบริการและการท่องเที่ยวกับครีเอเตอร์ไทย ร่วมสร้างสรรค์แผนการดําเนินธุรกิจ (Business Model) เเละพัฒนาคอนเทนต์เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นให้กับ 25 ธุรกิจ สู่การส่งเสริมการสร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างยั่งยืน และ CEA Virtual Production Program เปิดตัว Virtual Media Lab ศูนย์พัฒนาทักษะด้านการผลิตสื่อ และคอนเทนต์ด้วยเทคโนโลยี Virtual Production เตรียมคนไทยให้พร้อมกับอุตสาหกรรมดิจิทัลในยุคใหม่
3. Enter the Global Market ดันศิลปินไทยสู่เวทีโลก โดย CEA เร่งเดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยให้กลายเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่มีมูลค่าส่งออกพร้อมสร้างเครือข่ายและโอกาสให้ศิลปินครีเอเตอร์ และนักธุรกิจสร้างสรรค์ของไทย เข้าถึงตลาดนานาชาติผ่านการพัฒนาโครงการสำคัญ อาทิ โครงการ Content Lab 2024 สร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ดันไกลสู่สากล ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งพัฒนาศักยภาพของผู้สร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ ทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ และแอนิเมชัน รวมกว่า 37 โครงการ เพื่อยกระดับมาตรฐาน และสร้างโอกาสทางธุรกิจในระดับโลก พร้อมเปิดตลาดซื้อขาย และเวที Pitching Content Project Market แห่งแรกของไทย เพื่อให้นักสร้างสรรค์ได้พบกับนักลงทุน ผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และโครงการ Music Exchange 2024 ปลุกกระแส Thai Music Wave สู่เวทีโลก โครงการเรือธงในการผลักดันอุตสาหกรรมดนตรีไทยสู่ระดับสากล สนับสนุน 48 ศิลปินไทยเข้าร่วมแสดง ในงานดนตรีนานาชาติ กว่า 46 เทศกาล ใน 11 ประเทศทั่วโลก พร้อมเชิญผู้จัดเทศกาลดนตรี ผู้คัดเลือกศิลปิน และเอเจนซี่ จากต่างประเทศ กว่า 70 ราย เข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีในประเทศไทยเพื่อสร้างโอกาสต่อยอดให้วงการดนตรีไทยเกิดการเชื่อมโยงใหม่ทั้งด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
กลยุทธ์นี้ไม่เพียงสร้างรายได้ แต่ยังสร้าง “ชื่อเสียง” ให้กับประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ผลิตเนื้อหาคุณภาพ และแหล่งวัฒนธรรมร่วมสมัยที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก ทั้งยังเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเสริมพลัง Soft Power ของไทยให้แข็งแกร่งในระยะยาว
ทิศทางปี 2568 - 2569: เดินหน้าสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยที่แข็งแรง ยั่งยืน และไปสู่สากล
CEA เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยด้วยการพัฒนานิเวศสร้างสรรค์ทั้งระบบ ตั้งแต่การเปิดศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ หรือ TCDC ในพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มเติมอีกกว่า 10 แห่งทั่วประเทศ เพื่อบ่มเพาะทักษะคนสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ส่งเสริมผู้ประกอบการใช้เครื่องมือ Branding 4 Region และ Virtual Media Lab เพื่อเพิ่มศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก พัฒนาโครงการ Content Lab 2025 รองรับผู้ผลิตคอนเทนต์ระดับกลางกว่า 53 โปรเจ็กต์ และผลักดัน Music Exchange 2025 สร้าง ‘Thai Music Wave’ โดยสนับสนุนศิลปินไทยกว่า 30 ศิลปิน/วง/การแสดง บุกตลาดดนตรีสากล ตลอดจนส่งเสริมอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ทั้งการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และสินค้าไทย นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวฐานข้อมูลนักออกแบบไทย 100 รายให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก และยกระดับศักยภาพเชิงนโยบายผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ (SoftEx) เพื่อขยายอิทธิพลเชิงวัฒนธรรมไทยในเวทีโลกอย่างเป็นระบบ
CEA มุ่งมั่นเดินหน้าเสริมระบบนิเวศสร้างสรรค์ไทยให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งบุคลากร ธุรกิจ เมือง และตลาดระดับโลก เพื่อให้ Creative Economy ไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็น ‘กลยุทธ์หลัก’ ในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตอย่างแท้จริง
เกี่ยวกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน): สศส. หรือ Creative Economy Agency (Public Organization): CEA เป็นหน่วยงานเฉพาะด้านที่ทำหน้าที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยให้ความสำคัญ ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สาขาต่าง ๆ ให้เติบโต และส่งเสริมให้ภาคการผลิต นำความคิดสร้างสรรค์ไปประยุกต์ใช้ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ นำไปสู่การยกระดับศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจ และการจัดตั้ง TCDC ส่วนภูมิภาค นับเป็นการนำนโยบายสำคัญของรัฐบาลมาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการสร้างพื้นที่กลางที่เป็นแหล่งเรียนรู้และพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ การรวบรวมองค์ความรู้ และอัตลักษณ์ของท้องถิ่น ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานด้านการออกแบบและนวัตกรรม ซึ่งจะกระตุ้นและสนับสนุน การนำทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจจากระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติ อันจะช่วยขับเคลื่อนประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น