#ไทวัสดุ สานต่อภารกิจสร้างโอกาส “#ศูนย์บริการลูกค้า Contact Center” สนับสนุนโครงการส่งเสริมอาชีพคนพิการ พร้อมชวนฟังเสียงผู้ได้รับโอกาส “#บทพิสูจน์ของการช่วยสังคมที่ยั่งยืน”
ในปัจจุบัน แม้ว่าประเทศไทยจะมีผู้พิการขึ้นทะเบียนกว่า 2.28 ล้านคน โดยมีคนพิการที่อยู่ในวัยทำงานทั่วประเทศกว่า 807,333 คน แต่มีเพียง 196,852 คน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.38% ที่ได้ประกอบอาชีพเท่านั้น (ข้อมูลล่าสุดจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ในปี 2568) ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นช่องว่างในสังคมไทยที่ยังมีผู้พิการอีกจำนวนมาก ที่ไม่มีรายได้ที่มั่นคง หลายครอบครัวที่มีผู้พิการต้องพึ่งพาเบี้ยยังชีพเพียงเดือนละ 800 บาท ซึ่งในความเป็นจริงไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพ จึงมักทำให้ผู้พิการถูกมองว่าเป็น “ภาระ” ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาเพียงแค่ถูกมองข้าม และขาดโอกาสที่จะได้พิสูจน์ศักยภาพของตนเอง
ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ หลายหน่วยงานในสังคมไทยต่างเริ่มลุกขึ้นมาสนับสนุนและสร้างโอกาสให้ผู้พิการได้ก้าวเดินต่ออย่างมั่นคง ซึ่งหนึ่งในองค์กรที่โดดเด่นและทำงานอย่างต่อเนื่องก็คือ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้แบรนด์ไทวัสดุ และ บีเอ็นบี โฮม ที่ไม่เพียงมอบโอกาสในด้านอาชีพ แต่ยังมอบ “คุณค่า” คืนให้กับชีวิตของผู้พิการ โดยโครงการ ‘ไทวัสดุ เคียงข้าง สร้างสุข’ มุ่งหวังให้ผู้พิการทุกคน ได้รับโอกาสในการประกอบอาชีพอย่างเท่าเทียม และยืนหยัดในสังคมอย่างภาคภูมิใจ
ไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม กับโมเดลช่วยเหลือผู้พิการ มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ จังหวัดชลบุรี
ซึ่งหนึ่งในอาชีพที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถเปิดประตูโอกาสให้ผู้พิการได้อย่างแท้จริง คือ งานบริการลูกค้า Contact Center หากมีการปรับสภาพแวดล้อมและติดตั้งอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผู้พิการกลุ่มบกพร่องทางกายและการเคลื่อนไหวสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด จึงริเริ่มวางรากฐานการจ้างงานผู้พิการมาตั้งแต่ปี 2557 ผ่านการสนับสนุนหลักสูตรฝึกอบรม CRC Thaiwatsadu Contact Center Training และร่วมมือกับ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ในปี 2558 จัดตั้ง “ศูนย์ฝึกอาชีพ Contact Center” ที่มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ จังหวัดชลบุรี จากโครงการเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นด้วยผู้พิการเข้ารับการอบรมเพียง 15 คน ในวันนั้น ขยายผลจนสามารถจ้างผู้พิการจริงในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า ได้กว่า 35 คนในช่วงปี 2559–2563 และเติบโตสู่การเปิด “ศูนย์บริการลูกค้า Contact Center สนับสนุนโครงการส่งเสริมอาชีพคนพิการ” ของไทวัสดุเองอย่างเป็นทางการในปี 2564 ซึ่งในปัจจุบัน สามารถรองรับการจ้างงานได้มากถึง 70 อัตรา โดยในปี 2568 นี้ มีผู้พิการกว่า 63 คน ที่ได้รับการจ้างงานในฐานะ “พนักงานประจำ” พร้อมค่าจ้าง โบนัส และสวัสดิการเทียบเท่าพนักงานทั่วไป
จากเด็กพิการไร้แขนในชนบท สู่พนักงาน Contact Center และการค้นพบคุณค่าของชีวิต
เนส-ธัญญรัตน์ มาอุ้ย พนักงาน Contact Center ไทวัสดุ เป็นตัวอย่างที่สะท้อนพลังของ “โอกาส” ได้ชัดเจนที่สุด โดยเธอเป็นผู้พิการแขนทั้งสองข้างตั้งแต่กำเนิด เติบโตมากับยายที่เธอรักและเรียกว่า “แม่” แม้สภาพความเป็นอยู่จะยากจนและชราภาพ แต่ไม่เคยทอดทิ้งน้องเนส กลับเลี้ยงดูด้วยสองมือและหัวใจที่มั่นคง เนสต้องการที่จะตอบแทนพระคุณของยาย และมองหา “โอกาส” ที่จะทำให้เธอสามารถก้าวต่อไปได้จริง ๆ และในที่สุดเนสก็ได้รับโอกาสนั้น จากไทวัสดุ
“เมื่อก่อน เนสเชื่อว่าตัวเองไม่มีค่าอะไร เป็นเพียงเด็กพิการคนหนึ่งในชนบทที่เป็นภาระของยาย แต่มาวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป การได้รับโอกาสให้เข้ามาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า ที่ศูนย์ Contact Center ของไทวัสดุ ทำให้ชีวิตของเนสและยายดีขึ้นมาก มีรายได้ มีโบนัส มีเงินส่งให้ยายใช้ ยายก็ดีใจที่เห็นเนสยืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องคอยกังวลว่าอนาคตจะอยู่อย่างไร สิ่งที่ทำให้เนสประทับใจที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องรายได้ แต่คือการได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานที่มองเราเป็นเพื่อนร่วมทีม ไม่ใช่คนพิการ ทำให้รู้สึกว่า ชีวิตของตัวเองมีคุณค่าและอยากตั้งใจทำงานนี้ให้ดีที่สุด ขอขอบคุณไทวัสดุที่ให้โอกาสแก่ผู้พิการ เชื่อในศักยภาพของเนส แม้จะไม่มีแขน แต่ที่นี่ก็ให้เนสได้พิสูจน์ศักยภาพโดยใช้สองเท้าในการพิมพ์คอมพิวเตอร์ทำงานได้เหมือนคนที่มีแขนทั่วไป” เนส เล่าเสริมด้วยรอยยิ้ม
เสียงสะท้อนจากองค์กรผู้ขับเคลื่อนการสร้างอาชีพเพื่อผู้พิการ
นายธนวัฒน์ จิรังคพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “โครงการนี้ไม่ใช่เพียงการสร้างงาน แต่คือการสร้างคุณภาพชีวิต ไทวัสดุมีความเชื่อมั่นเสมอว่า ผู้พิการทุกคนมีศักยภาพในตัวเอง หากได้รับโอกาส ได้รับการฝึกฝน และอยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม จะทำให้พวกเขาสามารถทำงานได้ดีไม่ต่างจากคนทั่วไป โดยไทวัสดุเริ่มต้นโครงการมาตั้งแต่ปี 2557 ด้วยความร่วมมือกับมูลนิธิพระมหาไถ่ ในการให้ผู้พิการใช้เป็นสถานที่ในการบริการลูกค้า ตอบคำถาม ให้คำแนะนำผ่านทางโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้า และการบริการต่างๆ ภายใต้แบรนด์ ไทวัสดุ บีเอ็นบีโฮม ออโต้วัน และวีฟิกซ์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ซึ่งจากผลการอบรมและการปฏิบัติงานจริงของผู้พิการได้พิสูจน์แล้วว่า มีความรู้และพร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างมีศักยภาพเทียบเท่าคนปกติ ”
“ในวันนี้ผู้พิการทุกคนที่ทำงานใน ศูนย์บริการลูกค้า Contact Center ของไทวัสดุ นอกจากจะได้รับเงินเดือน โบนัส และสวัสดิการเท่าเทียมกันทุกคนแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ พวกเขาสามารถดูแลครอบครัว สร้างรอยยิ้มและความภาคภูมิใจให้กับคนที่บ้านได้ ซึ่งเราจะยังคงยึดมั่นในพันธกิจ ‘ไทวัสดุ เคียงข้าง สร้างสุข’ เดินหน้าธุรกิจไปพร้อมกับการทำประโยชน์เพื่อสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป”
ด้าน อาจารย์มานพ เอี่ยมสะอาด มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เล่าถึงความร่วมมือครั้งนี้ “ว่าปัญหาที่แท้จริง ไม่ใช่ความบกพร่องทางร่างกาย แต่คือ ทัศนคติและโอกาส ซึ่งผู้พิการจำนวนไม่น้อยไม่กล้าเข้าสู่ระบบแรงงาน เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถแข่งขันกับคนอื่นที่มีร่างกายปกติได้ ทั้งที่ในความเป็นจริง พวกเขายังมีศักยภาพมากพอที่จะทำงานได้ไม่ต่างจากคนทั่วไป เพียงแต่ขาดโอกาสที่จะได้พิสูจน์ ดังนั้นสิ่งที่เราพยายามผลักดันคือ การสร้างระบบรองรับตลาดแรงงานสำหรับผู้พิการในระยะยาว เพื่อให้ผู้พิการมีรายได้ที่มั่นคง สามารถแบ่งเบาภาระและดูแลครอบครัวได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง นี่คือสุดยอดของการมอบโอกาสที่แท้จริง ”
นอกเหนือจากการจ้างงานผู้พิการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า ศูนย์ Contact Center ตามมาตรา 33 แล้ว ไทวัสดุยังสนับสนุนผู้พิการในการสร้างอาชีพตามมาตรา 35 โดยให้สัมปทานพื้นที่ภายในไทวัสดุ เพื่อจำหน่ายสินค้าประเภทลอตเตอรี่ โดยมีผู้พิการที่ได้รับสัมปทานแล้วรวมกว่า 107 ราย พร้อมกันนี้ ไทวัสดุ ยังได้ติดตั้ง ตู้รับบริจาคใน 88 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่มิถุนายน–ธันวาคม 2568 เป็นระยะเวลา 7 เดือน เพื่อเชิญชวนลูกค้าและประชาชน ร่วมสมทบทุนสนับสนุนการศึกษา การฝึกอาชีพ การอบรมทักษะดิจิทัล และการจัดหาอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ โดยเงินบริจาคจะส่งมอบให้กับมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และช่วยเหลือส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้พิการต่อไป
ร่วมรับชมคลิปเสียงสะท้อนของ “น้องเนส-ธัญญรัตน์ มาอุ้ย” และเพื่อนๆ พนักงาน Contact Center ของไทวัสดุ (มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ จังหวัดชลบุรี) ได้ที่ช่องทาง Youtube: Thaiwatsadu ไทวัสดุ, Facebook: Thai Watsadu ได้แล้ววันนี้ และสำหรับผู้พิการที่สนใจ พร้อมร่วมงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า ศูนย์ Contact Center และต้องการโอกาสในการร่วมงานกับไทวัสดุ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล โทร 081-371-8307.
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “เซ็นทรัล รีเทล”) เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก รวมทั้งธุรกิจค้าส่ง สินค้าหลากหลายประเภท ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-Format Multi-Category Omnichannel Retail และ Wholesale Platform) ในประเทศไทย ประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,822 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค วัตถุดิบอาหาร รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์ เดลี่ ท็อปส์ แคร์ และโก โฮลเซลล์ ในประเทศไทย ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่ บิ๊กซี / โก (GO!) ท็อปส์ มาร์เก็ต มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียน คิม (3) กลุ่มแฟชั่น มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ มุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 62 จังหวัด ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 26 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลัก ๆ ทั่วประเทศ







ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น