#ไปรษณีย์ไทย เร่งเครื่อง #EMS หนุนเกษตรกรทั่วไทย #ส่งด่วนผลไม้–#ผลผลิตสดใหม่ ถึงผู้บริโภค พร้อมเผย TOP 3 จังหวัดของแต่ละภาคใช้บริการสูงสุด
กรุงเทพฯ 1 ตุลาคม 2568 — บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตอกย้ำบทบาทเครือข่ายขนส่งชั้นนำของประเทศ เดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนเกษตรกรไทยสู่ผู้บริโภคในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 ผ่านบริการ EMS ส่งด่วนผลไม้ เพื่อกระจายผลผลิตสดใหม่จากสวนสู่มือผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัยและรักษาคุณภาพตลอดเส้นทางจัดส่ง พร้อมเผย Top 3 พื้นที่เกษตรกรรมที่ใช้บริการส่งผลไม้สูงสุด ได้แก่ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ซึ่งยังคงครองแชมป์การใช้บริการ EMS ส่งด่วนผลไม้อย่างต่อเนื่องมากกว่า 100,000 ตัน ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
ดร. ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริการ EMS ส่งด่วนผลไม้ เป็นอีกกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันสินค้าเกษตรจากสวนและชุมชนเข้าสู่ตลาดและแพลตฟอร์มออนไลน์ เกษตรกรรายย่อยจำนวนมากสามารถใช้บริการดังกล่าวในการขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มปี 2568 พบว่าอัตราการเติบโตของปริมาณผลไม้ที่ส่งผ่าน EMS สูงขึ้นเกือบ 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยในปี 2567 ที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทยให้บริการส่งผลไม้ผ่าน EMS รวมกว่า 100,000 ตัน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจจำนวนมากพอสมควร และสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของเกษตรกรที่เลือกใช้บริการของไปรษณีย์ไทยในการขับเคลื่อนผลผลิตไทยสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ
“ในปี 2567 ถึงปัจจุบัน พื้นที่ที่มีปริมาณการส่งผลไม้ผ่านบริการ EMS มากที่สุด ได้แก่ พื้นที่ภาคเหนือ คือเชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง โดยเฉพาะลำไยและมะม่วงที่เป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญ ส่วนพื้นที่ภาคตะวันออก คือจันทบุรี ระยอง และตราด ยังคงครองแชมป์ด้านทุเรียนและมังคุดที่ส่งออกจำนวนมาก ขณะที่ภาคกลาง คือ นครปฐม ราชบุรี และนนทบุรี ที่มีความโดดเด่นด้วยการส่งมะพร้าวน้ำหอมและกล้วยหอมทองในปริมาณสูง ทั้งหมดนี้ตอกย้ำว่าโครงสร้างการผลิตและการกระจายผลไม้ไทยมีความแข็งแกร่งและสามารถใช้เครือข่ายโลจิสติกส์เป็นเครื่องมือสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง”
ดร.ดนันท์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการให้บริการที่ได้มาตรฐานแล้ว ไปรษณีย์ไทยยังดำเนินมาตรการพิเศษในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 เพื่อสนับสนุนเกษตรกรอย่างรอบด้าน ทั้งการจัดเตรียมบรรจุภัณฑ์ที่มีมาตรฐานช่วยรักษาคุณภาพผลไม้ระหว่างการขนส่ง การเปิดช่องทางพิเศษรองรับผลผลิตฤดูกาล เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย และมะพร้าวน้ำหอม รวมถึงการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อยกระดับการกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีความร่วมมือกับ สภาเกษตรกรแห่งชาติ จัดโปรโมชัน EMS ส่งด่วนผลไม้ ส่ง 3 กก. ราคาเพียง 45 บาท เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งของเกษตรกร พร้อมด้วยความร่วมมือกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ออกโปรโมชัน EMS ส่งด่วนผลไม้ ส่ง 3 กก. ราคา 48 บาท และยังมี กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่สนับสนุน กล่องผลไม้และตะกร้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ของเกษตรกร พร้อมสนับสนุนเชิงระบบและความร่วมมือแบบบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เกษตรกรมั่นใจได้ว่าจะยังสามารถส่งออกผลผลิตเข้าสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น